แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า อ. ซึ่งเป็นลูกจ้างที่โจทก์ไล่ออกจากงานได้ยื่นคำร้อง ต่อกรมแรงงานกระทรวงมหาดไทย จำเลยทั้งสามจึงมีคำสั่งให้โจทก์จ่ายเงินค่าจ้างทำงานล่วงเวลาจำนวนหนึ่งแก่ อ. โจทก์เห็นว่าคำสั่งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นไปตามตัวบทกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ทั้งจำเลยฟังข้อเท็จจริงผิดจากที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งของจำเลยคำฟ้องเช่นนี้เป็นคำฟ้องที่ชัดแจ้งพอ ทั้งจำเลยให้การต่อสู้ไว้โดยละเอียดเกี่ยวกับสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ย่อมแสดงว่าจำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นายอุดม ณ วิจิตร ซึ่งเป็นลูกจ้างที่โจทก์ไล่ออกจากงานได้ยื่นคำร้องต่อกองคุ้มครองแรงงานและแรงงานสัมพันธ์ กรมแรงงานซึ่งจำเลยที่ ๒ เป็นเจ้าหน้าที่ ขึ้นตรงต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจำเลยที่ ๑ และอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่ ๓ จำเลยทั้งสามได้ตรวจสอบหลักฐานและสอบสวนพยานหลักฐานของผู้ร้องแล้วเห็นว่าโจทก์จ่ายเงินค่าล่วงเวลาในการทำงานในวันหยุดให้นายอุดม ณ วิจิตรขาดไปเป็นเงิน ๒,๕๔๐ บาท จำเลยที่ ๒ จึงมีคำสั่งให้โจทก์จ่ายเงินจำนวนนี้ให้นายอุดม ณ วิจิตร โจทก์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำสั่งว่า เป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและผิดจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ต่อมากรมแรงงาน กระทรวงมหาดไทยได้สั่งให้โจทก์ปฏิบัติตามคำสั่งเดิม แต่แก้จำนวนเงินที่โจทก์จะต้องชำระน้อยกว่าเดิม ๒๐ บาทการพิจารณาและการสั่งการของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ซึ่งแต่งตั้งโดยจำเลยที่ ๑ มิได้เป็นไปตามตัวบทกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนคำสั่งทั้งสองฉบับนั้นเสีย โดยมิให้โจทก์ต้องชำระเงินแก่นายอุดม ณ วิจิตร ๒,๕๒๐ บาท
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ ๒ สั่งไปโดยชอบด้วยกฎหมายและข้อเท็จจริง ขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นให้งดชี้สองสถาน และงดสืบพยานโจทก์ แล้ววินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์มิได้แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา ไม่ได้บรรยายว่าที่ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างไร ไม่มีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ชัดแจ้งพอที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีแล้ว พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมที่คู่ความเสียมาแล้วทั้งหมดและค่าทนายความทั้งสองศาล ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องโจทก์ได้บรรยายไว้ชัดแจ้งพอเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่า การที่จำเลยทั้งสามสั่งให้โจทก์จ่ายเงินค่าจ้างแก่นายอุดม ณ วิจิตร โดยคิดวันทำงานของนายอุดม ณ วิจิตร รวม ๑๒๗ วัน เป็นเงิน ๒,๕๔๐ บาทนั้น โจทก์เห็นว่าเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและจำเลยฟังข้อเท็จจริงผิดจากที่ปรากฏในสำนวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยแต่งตั้งมาทั้งให้โจทก์ได้รับความเสียหายตามคำฟ้องข้อ ๖ ของโจทก์ก็ยังได้บรรยายต่อไปว่าการพิจารณาและสั่งการจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจำเลยที่ ๑ มิได้เป็นไปตามตัวบทกฎหมายที่ให้อำนาจไว้ พอถือได้ว่าคำฟ้องโจทก์มีประเด็นที่ศาลจะวินิจฉัยได้แล้ว อีกทั้งจำเลยก็ยังให้การต่อสู้ไว้โดยละเอียดเกี่ยวกับสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ ทั้งข้ออ้างที่โจทก์อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้น แสดงว่าจำเลยก็เข้าใจข้อหาได้ดี
พิพากษายืน ให้ยกฎีกาจำเลย ค่าธรรมเนียมและค่าทนายความชั้นฎีกา ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่