แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดภายในเวลา (15 วัน) ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 198 นั้น มาตรานี้เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจจำหน่ายคดี ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งจำหน่าย โจทก์ยื่นคำขอเรื่องขาดนัดได้
โจทก์ยื่นฟ้องคดีอาญาและคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกันกับได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่ง และส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ กั้นรั้วลวดหนาม ปลูกต้นไม้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๕ (๒), ๘๓, ๙๑ และให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและต้นไม้ที่ปลูกขึ้นทั้งหมดออกจากที่ดินของโจทก์ หากขัดขืนให้โจทก์รื้อถอนเองโดยให้จำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย และห้ามจำเลยกับบริวารไม่ให้เข้าเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์อีก
ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนมูลฟ้องแล้ว สั่งประทับฟ้องไว้พิจารณา
จำเลยให้การปฏิเสธส่วนอาญาและขาดนัดยื่นคำให้การคดีส่วนแพ่ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยได้เข้าไปทำรั้วและปลูกต้นกล้วยในที่ดินพิพาท ซึ่งเป็นของโจทก์จริง แต่จำเลยทำเช่นนั้นเพราะเข้าใจว่าที่ดินพิพาทอยู่ในเขตที่ดินของบิดาจำเลยถือว่าไม่มีเจตนากระทำผิด ยกฟ้องคดีส่วนอาญาและพิพากษาคดีส่วนแพ่งว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ ห้ามมิให้จำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง กับให้จำเลยร่วมกันรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินพิพาท หากไม่ปฏิบัติตามให้โจทก์รื้อถอนได้เอง โดยจำเลยเป็นผู้เสียค่าใช้จ่าย
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาในคดีส่วนแพ่ง
ศาลฎีกาฟังว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ที่จำเลยฎีกาว่าศาลชั้นต้นไม่สั่งจำหน่ายคดีส่วนแพ่ง เมื่อจำเลยขาดยื่นคำให้การ และโจทก์ไม่ได้ยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดภายในเวลาตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๙๘ จึงเป็นการไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณาความนั้น เห็นว่ามาตรานี้เพียงแต่ให้ศาลมีอำนาจจำหน่าย ศาลชั้นต้นยังไม่ได้สั่งจำหน่าย โจทก์ยื่นคำขอเรื่องขาดนัดโดยขอช้าไป ๑ วัน ศาลชั้นต้นไม่จำหน่ายนั้นชอบแล้ว
ที่จำเลยฎีกาว่าโจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานในชั้นพิจารณาคดีแพ่ง โจทก์จึงไม่มีสิทธิสืบพยานในส่วนคดีแพ่งนั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีอาญากับคดีแพ่งมาในสำนวนเดียวกัน โจทก์ได้ยื่นบัญชีระบุพยานมาแล้วในสำนวนคดีนี้ โดยมิได้เจาะจงว่าจะให้เป็นบัญชีพยานในคดีส่วนอาญาหรือส่วนแพ่ง จึงต้องถือว่าเป็นบัญชีระบุพยานของคดีนี้ตลอดเรื่อง ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีระบุพยานส่วนอาญาฉบับหนึ่ง และส่วนแพ่งอีกฉบับหนึ่ง ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน