คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 99/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นกำนัน จำเลยที่ 2 เป็นราษฎร ได้ไปจับกุมนายรัตน์ นายมิ่ง หาว่าเป็นคนร้ายใช้สากกระเดื่องขว้างปานายเหนาะน้องชายจำเลยที่ 2 มีบาดเจ็บแล้วคุมตัวนายรัตน นายมิ่งมาที่บ้านจำเลยที่ 1 จำเลยได้เรียกเอาเงินจากนายรัตน นายมิ่งคนละ 150 บาท และว่าถ้าให้เงินจะเลิกคดีปล่อยตัวไป นายรัตน นายมิ่งขอให้เงินเพียงคนละ 100 บาท จำเลยที่ 1 ก็ยอม พวกของนายรัตน นายมิ่งได้นำเงินมาให้แก่จำเลยที่ 1 ๆ รับเงินแล้วพูดว่าเลิกได้ แล้วนายรัตน, นายมิ่งก็พากันกลับบ้าน การกระทำดังนี้ย่อมเป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำการทุจจริตในหน้าที่ ส่วนการที่จำเลยขู่ว่า ถ้าไม่หาเงินมาให้นั้นจะส่งไปให้พวกบ้านหนองนาแซงฆ่าเสียนั้น ถ้าเป็นความจริงกลับจะทำให้ความผิดของจำเลยมีโทษหนักขึ้น หาใช่จะทำให้ความผิดของจำเลยสูญหายไปหมดมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่ในทางทุจริตตาม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๑๓๗, ๒๐ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ก.ม.ลักษณะอาญา มาตรา ๓ จำเลยให้การปฏิเสธ ทางพิจารณาได้ความว่าจำเลยที่ ๑ เป็นกำนัน จำเลยที่ ๒ เป็นราษฎร ได้ไปจับนายรัตน นายมิ่ง หาว่าเป็นคนร้ายใช้สากกระเดื่องขว้างปานายเหนาะน้องชายจำเลยที่ ๑ มีบาดเจ็บ แล้วคุมตัวนายรัตน์ นายมิ่งมาที่บ้านจำเลยที่ ๑ จำเลยได้เรียกเอาเงินจากนายรัตน นายมิ่ง คนละ ๑๕๐ บาท ถ้าไม่ให้ จะส่งไปให้พวกบ้านหนองนาแซงฆ่าทิ้งเสีย นายรัตน์ นายมิ่งขอให้เงินเพียงคนละ ๑๐๐ บาท จำเลยที่ ๑ ก็ยอม พวกของนายรัตน์, นายมิ่ง นำเงินมาให้จำเลยที่ ๑ ๆ รับเงินแล้วพูดว่าเลิกได้ แล้วนายรัตน์นายมิ่งก็พากันกลับ ศาลชั้นต้น ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบ ถ้าเป็นจริง ก็หาเข้า ก.ม.ที่โจทก์ขอให้ลงโทษไม่ เพราะจำเลยเรียกเงินโดยขู่ว่าจะฆ่า คดีไม่มีทางจะลงโทษจำเลย ไม่ต้องวินิจฉัยพะยานต่อไป พิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คำพะยานโจทก์ว่าจำเลยที่ ๑ เรียกเอาเงินโดยขู่ว่าจะฆ่า ไม่ใช่เรียกเพื่ออุปการะแก่การที่จำเลยที่ ๑ ให้คุณหรือให้โทษ หรือละเว้นมิให้คุณหรือมิให้โทษตามอำนาจหน้าที่
ข้อเท็จจริงที่ได้ความจึงต่างกับฟ้องและไม่เข้าลักษณะที่จะเป็นความผิดตาม ก.ม. ที่โจทก์ขอให้ลงโทษจำเลย คดีต้องยกฟ้อง ตาม ป.ม.วิ.อาญา มาตรา ๑๙๒ วรรค ๒ ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบพิพากษายืน.
โจทก์ฎีกา.
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ถ้าข้อเท็จจริงเป็นดังโจทก์นำสืบดังกล่าวแล้ว จำเลยทั้ง ๒ ก็มีผิดตามฟ้อง เพราะจำเลยไปจับกุมนายรัตน์นายมิ่งตามคำแจ้งของจำเลยที่ ๒ ตามหน้าที่ของกำนัน เป็นการปฏิบัติถูกต้องตามหน้าที่ และการที่จำเลยเรียกร้องเอาเงินจากนายรัตน นายมิ่ง และว่าถ้าให้เงินก็จะเลิกคดีปล่อยตัวไป พวกนายรัตน์นายมิ่งจึงนำเงินมาให้จำเลย ๆ ก็ปล่อยนายรัตน์นายมิ่งไปการกระทำของจำเลยต้องตามโจทก์บรรยายมาให้ฟ้อง เป็นความผิดฐานเจ้าพนักงานกระทำทุจริตในหน้าที่ ส่วนการที่จำเลยที่ ๑ ขู่ว่า ถ้าไม่ให้เงินจะส่งไปให้พวกบ้านหนองแซงฆ่าเสียนั้น ถ้าเป็นความจริง ความผิดของจำเลย ก็จะมีโทษหนัก ไม่ใช่จะกลับทำให้ความผิดของจำเลยสูญหายหมด หามิได้ ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัยพะยานหลักฐาน โจทก์, จำเลยให้แน่ชัดว่า ควรเชื่อฟังฝ่ายใดเป็นความจริง
พิพากษาคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นชี้ขาดข้อเท็จจริง แล้ววินิจฉัยใหม่./

Share