คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1042/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีโดยอ้างว่าเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายตามพินัยกรรม แต่ปรากฏในพินัยกรรมเพียงให้โจทก์เป็นผู้จัดการเก็บค่าเช่าห้องพิพาทส่งไปประเทศจีนเท่านั้น ดังนี้ ไม่ได้ชื่อว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม ถึงแก่จะมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีได้
เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์ แม้จำเลยมิได้คัดค้านอำนาจฟ้องของโจทก์แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางต่วนผู้วายชนม์ตามพินัยกรรม ฯลฯ จำเลยได้ทำละเมิด บุกรุกเข้าไปในอาณาเขตห้องแถวอันเป็นกองมรดกที่โจทก์เป็นผู้จัดการ ฯลฯ จึงขอให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายทรัพย์สินของจำเลยออกไป ฯลฯ

จำเลยต่อสู้ว่าได้สิทธิครอบครองที่พิพาท

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยขนย้ายทรัพย์ของจำเลยออกจากที่พิพาท ฯลฯ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์กล่าวในฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกของนางต่วนตามพินัยกรรมปรากฏในพินัยกรรมแต่เพียงให้โจทก์เป็นผู้จัดการเก็บค่าเช่าห้องเลขที่ 147, 148 และ 149 ส่งไปประเทศจีนเท่านั้น จึงไม่ได้ชื่อว่าเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรม อันจะมีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีนี้ได้ แม้จำเลยมิได้คัดค้านอำนาจฟ้องของโจทก์แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) ศาลย่อมยกขึ้นวินิจฉัยได้ จึงมิต้องพิจารณาในประเด็นข้ออื่น

พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share