คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9870/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บ้านจำเลยเฉพาะส่วนที่พิพาทปลูกอยู่ในที่ดินริมคลองอันเป็นที่สาธารณะและบังหน้าที่ดินโจทก์ที่จะออกสู่คลองสาธารณะมีความยาวถึง 16 เมตรแต่โจทก์ยังคงเหลือที่ดินติดคลองมีความยาว 9.5 เมตร ซึ่งไม่ถูกบัง ขณะยื่นฟ้องโจทก์ก็ไม่ได้ปลูกบ้านในที่ดินของโจทก์ โจทก์คงปล่อยที่ดินไว้โดยไม่ได้ทำประโยชน์ ส่วนจำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่ดังกล่าวมาประมาณ 20 ปีแล้ว กรณีถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติและเหตุอันควรตาม ป.พ.พ. มาตรา 1337 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยให้รื้อถอนบ้านพร้อมสิ่งปลูกสร้างส่วนที่พิพาทออกไปจากที่ดินซึ่งเป็นที่สาธารณะหน้าที่ดินโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันรื้อถอนบ้านทั้งสองหลังพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกจากที่ดินของโจทก์ ห้ามจำเลยทั้งสามและบริวารเกี่ยวข้อง ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างและขนย้ายบริวารออกจากที่ดินของโจทก์
จำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม บ้านของจำเลยที่ 1 ปลูกสร้างลงในที่ดินรกร้างว่างเปล่า อยู่นอกแนวเขตที่ดินของโจทก์ คงมีเพียงบางส่วน เนื้อที่ไม่เกิน 10 ตารางวา รุกล้ำเข้าไปในที่ดินพิพาท โจทก์ไม่เคยใช้ที่ดินดังกล่าวออกสู่คลองเชียงรากใหญ่ เนื่องจากที่ดินของโจทก์อยู่ติดถนนสาธารณะอยู่แล้ว โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 1 ถึงแก่ความตาย นายสุรัตน์ ปิ่นทอง ขอเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 รื้อถอนบ้านเลขที่ 47/1 หมู่ที่ 5 ตำบลบางกะดี อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี เฉพาะส่วนที่รุกล้ำ เนื้อที่ 2 ตารางวา ตามแผนที่พิพาทเอกสารหมาย จ.8 และให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ เดือนละ 20 บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2539) ไปจนกว่าจะรื้อถอนส่วนที่รุกล้ำออกไปจากที่ดินโจทก์ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 2 ให้รื้อถอนบ้านพร้อมสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินริมคลองเชียงรากใหญ่หรือไม่ เห็นว่า บ้านจำเลยที่ 1 และที่ 2 เฉพาะส่วนที่พิพาทกันปลูกอยู่ในที่ดินริมคลองเชียงรากใหญ่อันเป็นที่สาธารณะไม่ได้ปลูกอยู่ในที่ดินโจทก์แม้บ้านและสิ่งก่อสร้างของจำเลยที่ 1 และที่ 2 จะบังหน้าที่ดินโจทก์ที่จะออกสู่คลองสาธารณะมีความยาวถึง 16 เมตร แต่โจทก์ยังคงเหลือที่ดินติดคลองดังกล่าวซึ่งไม่ถูกบัง สามารถออกสู่คลองดังกล่าวได้มีความยาว 9.5 เมตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะยื่นฟ้อง โจทก์ยังไม่ได้ปลูกบ้านในที่ดินโจทก์ คงปล่อยที่ดินไว้ไม่ได้ทำประโยชน์อย่างใด ส่วนจำเลยที่ 1 และที่ 2 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินดังกล่าวมาประมาณ 20 ปีแล้ว ตามสภาพดังกล่าวยังถือไม่ได้ว่าการที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ปลูกบ้านอยู่ในที่ดินริมคลองเชียงรากใหญ่อันเป็นที่สาธารณะเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเป็นพิเศษหรือเดือดร้อนเกิน ที่ควรคิดหรือคาดหมายได้ว่าจะเป็นไปตามปกติ และเหตุอันควรตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1337 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share