คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 986/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอายัดเงินซึ่งจำเลยมีสิทธิได้รับจากบุคคลภายนอกเป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา และได้มีการส่งเงินมาให้ศาลตามหมายอายัดแล้ว ภายหลังเมื่อศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี คำสั่งของศาลที่อายัดเงินชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษายังคงมีผลต่อไป ทั้งโจทก์ได้ดำเนินการขอออกคำบังคับและขอหมายบังคับคดีแก่จำเลยแล้วโดยชอบ โจทก์จึงไม่จำต้องดำเนินการขออายัดเงินดังกล่าวในชั้นบังคับคดีซ้ำอีก ถือว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ตามความหมายของ ป.วิ.แพ่ง มาตรา 290 แล้ว ดังนั้นผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยอีกคดีหนึ่งและไม่สามารถเอาชำระหนี้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยจึงมีสิทธิขอเฉลี่ยหนี้ในคดีนี้ได้

ย่อยาว

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา โจทก์ขออายัดชั่วคราวสิทธิเรียกร้องของจำเลยทั้งสอง ลูกหนี้ของจำเลยทั้งสองได้ส่งเงินตามหมายอายัดชั่วคราวแล้วและโจทก์กำลังดำเนินการเพื่อบังคับชำระหนี้อยู่
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองไม่มีทรัพย์สินอื่นใดที่จะชำระหนี้ตามคำพิพากษาแก่ผู้ร้อง จึงขอเข้าเฉลี่ยเงินจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ที่โจทก์ในคดีนี้ได้อายัดชั่วคราวไว้แล้ว
โจทก์คัดค้านว่าศาลได้มีคำสั่งให้อายัดเงินชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๕๒๘ หนี้ระหว่างผู้ร้องกับจำเลยเป็นหนี้สมยอมร่วมกันฉ้อโกงโจทก์ จำเลยยังมีทรัพย์สินอื่นที่ผู้ร้องสามารถนำเอามาชำระหนี้ได้แต่ไม่พยายามจะติดตามนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดหรืออายัด ผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะร้องขอเฉลี่ยเงินจำนวนนี้ เนื่องจากคดีดังกล่าวมีเพียงการอายัดชั่วคราวก่อนศาลพิพากษาเท่านั้น
ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์ได้
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า ในคดีนี้โจทก์ยื่นคำร้องขออายัดเงินค่าก่อสร้างงวดที่ ๓ ที่จำเลยมีสิทธิได้รับจากวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา เท่าจำนวนหนี้ ๒๐๐,๖๑๖ บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปีในต้นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท ในวันเดียวกัน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้อายัดเงินจำนวน ๒๐๐,๖๑๖ บาท จากวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา ซึ่งจำเลยทั้งสองมีสิทธิได้รับเงินค่าก่อสร้างอาคารวิทยาลัยเป็นการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ต่อมาวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๒๘ วิทยาลัยดังกล่าวได้ส่งเงินตามเช็คธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวนเงิน ๒๐๐,๖๑๖ บาทมาที่ศาลชั้นต้นตามหมายอายัดแล้ววันที่ ๑๗ สิงหาคม๒๕๒๘ ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาโดยจำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาทพร้อมดอกเบี้ยวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๒๘ โจทก์ขอให้ศาลออกคำบังคับ ศาลชั้นต้นออกคำบังคับลงวันที่ ๓ กันยายน ๒๕๒๘ และปิดคำบังคับที่ภูมิลำเนาจำเลยทั้งสองเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๒๘ ซึ่งจะมีผลให้จำเลยต้องปฏิบัติตามคำบังคับภายใน ๑ เดือนนับแต่วันที่ ๒๗กันยายน ๒๕๒๘ คดีมีปัญหาเฉพาะในข้อกฎหมายว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยทั้งสองตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่๑๖๗๕๙/๒๕๒๘ ของศาลชั้นต้นอีกคดีจะมีสิทธิร้องขอเฉลี่ยหนี้จากโจทก์ในคดีนี้หรือไม่ พิเคราะห์ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๖๐ บัญญัติใจความว่า ‘ถ้าในคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดตัดสินคดี มิได้กล่าวไว้ซึ่งวิธีการชั่วคราวที่ศาลได้สั่งไว้ในระหว่างการพิจารณา….. (๒) ถ้าคดีนั้นศาลตัดสินให้โจทก์ชนะ คำสั่งนั้นคงมีผลต่อไปจนกว่าจะได้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้นเท่าที่จำเป็นเพื่อบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งนั้น แต่ถ้าโจทก์มิได้ขอหมายบังคับคดีภายในกำหนดสิบห้าวัน นับตั้งแต่วันสิ้นระยะเวลาที่กำหนดไว้ในคำบังคับเพื่อให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ถือว่าคำสั่งนั้นเป็นอันยกเลิกเมื่อสิ้นระยะเวลาเช่นว่านั้น’ แสดงว่าคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อายัดเงินค่าก่อสร้างซึ่งจำเลยมีสิทธิได้รับจากวิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษาชั่วคราวก่อนคำพิพากษายังมีผลต่อไปหลังจากที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม๒๕๒๘ ทั้งโจทก์ได้ดำเนินการขอออกคำบังคับและขอหมายบังคับคดีแก่จำเลยแล้วโดยชอบตามความในมาตรา ๒๖๐ (๒) โจทก์ไม่จำต้องดำเนินการขออายัดเงินดังกล่าวในชั้นบังคับคดีซ้ำอีก มีผลเท่ากับเจ้าพนักงานบังคับคดีได้อายัดทรัพย์สินของจำเลยซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาไว้แทนโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษา ตามความหมายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๐ แล้ว ผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหนี้จำเลยตามคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๑๖๗๕๙/๒๕๒๘ และไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆของลูกหนี้ตามคำพิพากษา จึงมีสิทธิขอเฉลี่ยหนี้ได้
พิพากษายืน

Share