แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฎีกาโดยมีข้อความว่า “การเล่นแชร์โดยชำระเป็นเช็คจำเลยย่อมทราบว่าเมื่อถึงวันที่ที่ตกลงกันไว้ตนเองต้องมีเงินเข้าบัญชีเงินฝากที่ธนาคาร จำเลยได้ปฏิบัติมาแล้ว5 เดือน เดือนที่ 6 จำเลยอาจขัดข้องทางการเงิน โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยหลบหนีไม่ยอมนำเงินตามเช็คชำระ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาออกเช็คที่จะไม่ให้มีการใช้เงิน จำเลยควรมีความผิด” นั้น เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ่ายเช็คให้โจทก์เพื่อชำระหนี้เงินค่าแชร์ แต่ธนาคารปฏิเสธการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่าคดีโจทก์ไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ฎีกาโจทก์มีความว่า การเล่นแชร์โดยชำระเป็นเช็คจำเลยย่อมทราบว่าเมื่อถึงวันที่ที่ตกลงกันไว้ตนเองต้องนำเงินเข้าบัญชีเงินฝากที่ธนาคารจำเลยเองก็ได้ปฏิบัติมาแล้วถึง 5 เดือน เดือนที่ 6 จำเลยอาจขัดข้องทางการเงิน โจทก์เรียกเก็บเงินตามเช็คไม่ได้ จำเลยหลบหนีไม่ยอมนำเงินตามเช็คมาชำระ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาออกเช็คที่จะไม่ให้มีการใช้เงิน เมื่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3(1) ถือเจตนาเป็นหลักและเป็นข้อสำคัญจำเลยควรมีความผิดนั้น พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ฎีกาของโจทก์ดังกล่าวเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 แก้ไขโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2517 มาตรา 8 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาโจทก์