แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ห้องแถวพิพาทปลูกอยู่ในที่ดินของ พ.ตั้งแต่ก่อนจำเลยที่ 2แต่งงานกับ พ.จึงตกเป็นส่วนควบกับที่ดินดังกล่าวเมื่อพ.ตายย.บ.และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นทายาทได้ยื่นคำขอรับมรดกที่ดินแปลงนี้ของ พ.จำเลยที่2ซึ่งเป็นภรรยาของพ.ก็ไม่คัดค้าน พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 เช่นนี้แสดงว่าจำเลยที่ 2 ยินยอมยกที่ดินให้ ย.บ.และจำเลยที่ 1 แล้ว เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ตามคำขอรับมรดก ย.บ.และจำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าว ห้องแถวพิพาทซึ่งเป็นส่วนควบกับที่ดินจึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของบุคคลทั้งสามด้วยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 วรรคสอง โดยไม่จำต้องจดทะเบียนรับมรดกห้องแถวพิพาทอีกแต่อย่างใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ไปแบ่งแยกที่ดินกรรมสิทธิ์รวมพร้อมห้องแถวพิพาทเป็นของโจทก์ ขนย้ายออกจากห้องแถวพิพาทแล้วส่งมอบห้องแถวกับที่ดินให้แก่โจทก์ ให้จำเลยทั้งสองรื้อห้องแถวอีกห้องหนึ่งออกจากที่ดินส่วนของโจทก์ และห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับให้ใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 ไม่อาจแบ่งแยกได้ ห้องแถวพิพาทปลูกอยู่ในที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลยที่ 2 โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องขับไล่ โจทก์ทำสัญญาซื้อขายห้องแถวฉ้อฉลจำเลย และจำเลยที่ 2บอกล้างแล้ว ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนแบ่งแยกโฉนดที่ดินพิพาทให้โจทก์ 2 ใน 3 ส่วน ห้ามจำเลยและบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินที่ ๆ เป็นส่วนของโจทก์ ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายที่เกี่ยวกับที่ดินที่เป็นส่วนของโจทก์ให้แก่โจทก์ทั้งสองเดือนละ 100 บาท นับแต่วันฟ้อง จนกว่าจำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่เป็นส่วนของโจทก์ทั้งสอง คำขออื่นให้ยก และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ทั้งสอง 2 ใน 3ส่วน และห้องแถว 1 ห้อง หากตกลงแบ่งกันไม่ได้ก็ให้ขายทอดตลาดที่ดินทั้งแปลงพร้อมห้องแถวทั้งสามห้องไปพร้อมกัน โดยคำนวณราคาห้องแถว 3 ห้อง ตั้งแยกไว้ก่อน หากกำหนดราคากันเองไม่ได้ก็ให้ศาลชั้นต้นกำหนดราคาให้ เมื่อขายทอดตลาดแล้ว ให้แบ่งเงินค่าที่ดินและห้องแถวให้แก่เจ้าของรวมตามส่วนของตน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า โจทก์ทั้งสองและจำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินโฉนดเลขที่12386 ตำบลโพธาราม อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี และบนที่ดินดังกล่าวมีห้องแถวเลขที่ 375, 377 และ 379 ปลูกอยู่ จำเลยที่ 2เป็นมารดาของนายยินดี นายบุญชัยและจำเลยที่ 1 มีปัญหามาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาว่าห้องแถวพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2หรือไม่ ทางพิจารณาโจทก์ทั้งสองนำสืบว่า นายยินดี พันธุ์ภาไพ และนายบุญชัย พันธุ์ภาไพ ได้ขายฝากที่ดินส่วนหนึ่งทางด้านทิศตะวันออกของที่ดินตามโฉนดที่ดิน เอกสารหมาย จ.1 เนื้อที่ประมาณ 20 ตารางวาและนายบุญชัย ได้ขายฝากห้องพิพาทเลขที่ 377 ให้แก่นางอาภรณ์ บุญศิริ นายยินดีและนายบุญชัยไม่ได้ไถ่ถอนการขายฝากที่ดินและห้องแถวพิพาทเลขที่ 377 จึงตกเป็นกรรมสิทธิ์ของนางอาภรณ์ ต่อมานางอาภรณ์ได้ขายที่ดินพร้อมห้องแถวพิพาทให้แก่โจทก์ทั้งสองตามเอกสารหมาย จ.1 จ.2
จำเลยทั้งสองนำสืบว่า เดิมที่ดินโฉนดเลขที่ 12386 เป็นของนายเพียวเล้งหรือมังกร เมื่อนายเพียงเล้งและจำเลยที่ 2 แต่งงานกัน นายเพียวเล้งและจำเลยที่ 2 ได้ปลูกห้องแถวเลขที่ 375, 377และ 379 ลงบนที่ดินดังกล่าว ต่อมานายเพียวเล้งได้ยกห้องแถวดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 เมื่อนายเพียวเล้งตาย กรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวตกได้แก่จำเลยที่ 1 นายยินดีและนายบุญชัย ตามเอกสารหมาย ล.3, ล.4 ส่วนห้องแถวดังกล่าวยังคงเป็นของจำเลยที่ 2จำเลยที่ 2 อาศัยอยู่ที่ห้องแถวเลขที่ 375 สำหรับห้องแถวเลขที่ 379จำเลยที่ 2 ให้ผู้อื่นเช่า
พิเคราะห์แล้ว จำเลยที่ 2 เบิกความว่า ห้องแถวพิพาทจำเลยที่ 2 กับนายเพียวเล้งร่วมกันปลูก แต่จำเลยที่ 2 เบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านว่า เมื่อจำเลยที่ 2 แต่งงานกับนายเพียวเล้ง จำเลยที่ 2 ไปอยู่ที่ห้องแถวนายเพียวเล้งซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินพิพาทนี้ เห็นว่า จำเลยที่ 2 เบิกความแตกต่างกัน และไม่มีพยานอื่นสนับสนุนคำเบิกความของจำเลยที่ 2 ไม่มีน้ำหนักฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และนายเพียวเล้งร่วมกันปลูกห้องแถวพิพาทศาลฎีกาเชื่อว่าห้องแถวพิพาทปลูกอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่ 12386 ก่อนจำเลยที่ 2 แต่งงานกับนายเพียวเล้ง และห้องแถวพิพาทปลูกเพื่ออยู่อาศัย จึงเป็นทรัพย์ส่วนควบกับที่ดินโฉนดเลขที่ 12386 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 107 วรรคแรก เมื่อนายเพียวเล้งตาย นายยินดี นายบุญชัยและจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นทายาทได้ไปยื่นคำขอรับมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 12386 ของนายเพียวเล้งจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นภรรยานายเพียวเล้งก็ไม่คัดค้าน พฤติการณ์ของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวแสดงว่าจำเลยที่ 2 ยินยอมยกที่ดินให้นายยินดี นายบุญชัย และจำเลยที่ 1 เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้ตามคำขอรับมรดกนายยินดี นายบุญชัยและจำเลยที่ 1 จึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 12386ห้องแถวพิพาทซึ่งเป็นส่วนควบที่ดินจึงตกไปเป็นกรรมสิทธิ์ของนายยินดี นายบุญชัย และจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ห้องแถวพิพาทปลูกอยู่ตามมาตรา 107 วรรคสอง นายยินดีนายบุญชัย และจำเลยที่ 1 หาจำต้องจดทะเบียนรับมรดกห้องแถวต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน