แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การแสดงหลักทรัพย์ว่ามิได้เคยจำนำ จำนอง ขายฝาก หรือประกันผู้ใดไว้ เพื่อเป็นหลักฐานประกันคนต่อศาล+ความจริงได้เคยเอาหลักทรัพย์นั้นแสดงเป็นประกันไว้ก่อนแล้วเช่นนี้ เป็นผิดฐานแจ้งความเท็จไม่ใช่ฐานฉ้อโกง เรื่องขอประกันคน แม้จะใช้อุบายหลอกลวงก็ไม่เป็นผิดตามมาตรา 306 ข้อ 3 เพราะไม่มีการส่งมอบทรัพย์หรือให้ถอนทำลายหนังสือสำคัญใด ๆ +ไม่ใช่ทรัพย์ วิธีพิจารณาอาชญา ฎีกาอุทธรณ์ ฟ้อง,ตัดสิน ศาลเดิมลงโทษจำเลยแต่+บทผิด จำเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียว ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่มีผิดให้ยกฟ้อง โจทก์ฎีกาศาลฎีกาลงโทษจำเลยตามฟ้องในบทที่ถูก+ความผิดได้
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยประกันนางอ่องจากพนักงานอัยยการก่อนแล้วประกันนายอู๊ดจากศาลไปอีก โดยกล่าวไว้ในคำร้องขอประกันทั้ง ๒ แห่งใจความว่า จำเลยมีเรือน ๑ หลังมิได้เคยจำนำ จำนอง ขายหรือประกันผู้ใดไว้ แต่อย่างใดอัยยการและศาลจึงต่างให้จำเลยประกันไป ครั้นต่อมาจำเลยได้ส่งตัวนางอ่องและขอถอนประกันจากพนักงานอัยยการ โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในชั้นขอประกันต่อศาลตามมาตรา ๑๑๘-๓๐๔
ศาลเดิมเห็นว่าจำเลยมีผิดตาม ม.๓๐๖ แต่โจทก์ขอให้ลงโทษตาม ม.๓๐๔ จึงคงลงโทษจำเลยตามมาตรา ๓๐๔
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยไม่มีผิดให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาตัดสินว่าจำเลยไม่มีผิดฐานฉ้อเพราะไม่ใช่เรื่องหลอกลวงให้ส่งทรัพย์หรือถอนทำลายหนังสือสำคัญ แต่การกระทำของจำเลทำลายหนังสือสำคัญ แต่การกระทำของจำเลยเป็นผิดฐานแจ้งความเท็จตาม ม.๑๑๘ เพราะเมื่อจำเลยขอประกันนายอู๊ดต่อศาลนั้นจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเรือนของจำเลยหลังนั้นจำเลยได้แสดงหลักฐานไว้ต่อพนักงานอัยยการรังคงเป็นหลักฐานผูกพันอยู่ การกระทำเช่นนี้อาจทำให้ฝ่ายศาลเสียหายได้ จึงพิพากษาลงโทษจำเลยตามมาตรา ๑๑๘ ให้ปรับ ๒๐ บาท