คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 982/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ 5,000 บาทริบของกลาง และให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคแรก จำเลยฎีกาว่าศาลสั่งริบและทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลางไม่ได้ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2518 มาตรา 20,26 วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 35 จำคุก 6 เดือนปรับ 10,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 เดือน ปรับ 5,000 บาทโทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ริบของกลาง และให้ทำลายปูนซีเมนต์ของกลาง ให้คุมความประพฤติของจำเลยห้ามกระทำการอันอาจก่อให้เกิดความผิดขึ้นอีก ให้มารายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติ 4 เดือน ต่อครั้ง มีกำหนดเวลา 1 ปี จำเลยอุทธรณ์ขอไม่ให้ริบและทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง ศาลอุทธรณ์ภาค 1พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท ริบของกลาง และให้ทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลาง โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษายืน คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกจำเลยฎีกาว่า ศาลสั่งริบและทำลายลานปูนซีเมนต์ของกลางไม่ได้อันเป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย

Share