แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การท่าเรือแห่งประเทศไทยจำเลยได้กำหนดให้สินค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นสินค้าประเภทหนึ่งที่อนุญาตให้ผู้นำเข้านำเรือไปจอดขนถ่ายสินค้านอกเขตท่าของจำเลยได้และยกเว้นให้ผู้นำเข้าไม่ต้องเสียค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขนขึ้นท่า ดังนั้น เมื่อปรากฏว่าสินค้าเคมีเหลวที่โจทก์นำเข้าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ตามความหมายของคำวิเคราะห์ศัพท์คำว่า น้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พุทธศักราช 2474 มาตรา 3และสินค้าเคมีเหลวดังกล่าวก็มีชื่อตรงกันกับที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดชนิดของเหลวต่าง ๆ ที่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2474 สินค้าเคมีเหลวของโจทก์จึงเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงและได้รับยกเว้นการเรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขนขึ้นท่าตามที่จำเลยได้กำหนดไว้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เคยนำเคมีเหลวมีลักษณะน้ำมันเชื้อเพลิงจากต่างประเทศเข้ามาในราชอาณาจักร ต่อมาจำเลยมีหนังสือถึงโจทก์ให้ชำระค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขึ้นท่าย้อนหลัง โจทก์ขอให้จำเลยยกเว้นและยกเลิกการเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมดังกล่าว จำเลยไม่ยอม โจทก์จึงได้วางเงินมัดจำไว้ การที่จำเลยเรียกให้โจทก์วางเงินมัดจำ เป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ศาลพิพากษาว่าคำสั่งตามหนังสือดังกล่าวเป็นคำสั่งที่มิชอบและให้จำเลยคืนเงินมัดจำพร้อมดอกเบี้ย จำเลยให้การว่า มีสินค้าบางชนิดที่จำเลยยกเว้นไม่เรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมแต่สินค้าเคมีเหลวไม่ได้รับการยกเว้น โจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยคืนเงินมัดจำแก่โจทก์ 65,300 บาทพร้อมดอกเบี้ย โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 243,580 บาท พร้อมดอกเบี้ยจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามเอกสารหมาย ล.3 ที่จำเลยอ้างมีข้อความว่า จำเลยได้กำหนดประเภทสินค้าที่อนุญาตให้ผู้นำเข้านำเรือไปจอดขนถ่ายสินค้านอกเขตท่าของจำเลยไว้ 5 ประเภท คือ
1. สินค้าที่บรรทุกมาในเรือเกินกว่าปั้นจั่นของจำเลยจะยกขึ้นได้
2. น้ำมันเชื้อเพลิง
3. น้ำมันหล่อลื่นที่บรรทุกมากับเรือน้ำมัน (TANKER) นอกจากบรรจุใส่ถัง
4. กากน้ำตาลที่ส่งให้โรงงานต้มกลั่นสุรา
5. ถ่านหินที่นำมาใช้ในราชการ
และสินค้า 5 ประเภทนี้ จำเลยยกเว้นไม่ต้องเสียค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขนขึ้นท่า ปัญหาว่า สินค้าเคมีเหลวที่โจทก์นำเข้ามาในราชอาณาจักรตามฟ้องเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงตามเอกสารหมาย ล.3หรือไม่นั้น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิงพุทธศักราช 2474 มาตรา 3 ให้คำวิเคราะห์ศัพท์คำว่า”น้ำมันเชื้อเพลิง” รวมความว่า ของเหลวทั้งปวงที่เรียกกันว่าร๊อคออยล์ เกโรซิน (น้ำมันก๊าด) ปาราฟิน เปโตรเลียม กาโซลินเบนโซล เบนโซลิน เบนซิน นัฟธา และสิ่งอื่น ๆ ตามที่เสนาบดีจะได้ประกาศเพิ่มเติมภายหลังว่าเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ไม่ว่าเกิดโดยธรรมดาหรือทำขึ้นจากเปโตรเลียม ถ่านศิลา ซิสต์ เซล บีต ฯลฯและสิ่งที่ทำขึ้นจากสิ่งนั้นอีกต่อหนึ่ง และมีประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง กำหนดชนิดของเหลวต่าง ๆ ที่เป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเก็บรักษาน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2474 ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2504 กำหนดให้ ฯลฯ 4.อะซีโตน (ACETONE) ฯลฯ 120. โปรปิล อัลกอฮอล์(PROPYL ALCOHOL) ฯลฯ 130. โทลูอีน (TOLUENE) ฯลฯ และ134. ออโซ-ไซลีน (O-XYLENE) เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงตามพระราชบัญญัติดังกล่าว และคดีได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่า สินค้าเคมีเหลวที่โจทก์นำเข้าตามเอกสารหมาย จ.4 มีชื่อเรียกตรงกับที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทยฉบับนี้ สินค้าของโจทก์จึงเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงตามพระราชบัญญัติดังกล่าว และได้รับยกเว้นการเรียกเก็บค่าภาระหรือค่าธรรมเนียมขนขึ้นท่าสำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงก็เพราะเป็นกรณีที่โจทก์ไม่สามารถให้บริการในการขนขึ้นจากเรือเดินทะเลได้เช่นเดียวกับสินค้าประเภทที่ 1 และประเภทที่ 3 ตามเอกสารหมาย ล.3 ที่จำเลยนำสืบว่าหมายความเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ในการเผาไหม้เครื่องยนต์หรือเติมเครื่องยนต์นั้น ขัดต่อเหตุผลตามเอกสารหมาย ล.3 เพราะเหตุผลที่ได้รับการยกเว้นอยู่ที่ว่าจำเลยสามารถให้บริการในการขนขึ้นท่าได้หรือไม่เป็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าเป็นสินค้าประเภทที่ใช้ในการเผาไหม้เครื่องยนต์หรือเติมเครื่องยนต์ได้หรือไม่ดังที่จำเลยนำสืบ เมื่อคดีได้ความว่าจำเลยได้รับเงินมัดจำค่าภาระไว้สำหรับสินค้าที่โจทก์ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียค่าภาระ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องคืนเงินมัดจำค่าภาระแก่โจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน