คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 981/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ชั้นแรกโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง เนื้อที่ประมาณ 70 ตารางวา ราคา6,000 บาท ต่อมาโจทก์ขอแก้ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินเพิ่มขึ้นรวมเป็นเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ราคา 22,000 บาท ศาลอนุญาตให้แก้ฟ้องได้แล้ว ในการทำแผนที่พิพาท คู่ความนำชี้ว่าที่พิพาทคือที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่พิพาทซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ในการสืบพยานของคู่ความและวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ก็กล่าวว่าที่พิพาทคือที่ดินที่ปรากฏภายในเส้นสีแดงในแผนที่กลาง แต่ศาลชั้นต้นกลับพิพากษาให้ที่พิพาทภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของโจทก์ ดังนี้ เป็นการพิพากษาไม่ตรงประเด็นที่คู่ความพิพาทและศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่งแต่ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาแก้ไขเสียให้ถูกต้องไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและเพิ่มเติมฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินสวนมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์แล้วหนึ่งแปลง จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดินแปลงนี้ทางมุมตะวันออกเฉียงใต้ตัดฟันต้นไม้และทำรั้วกั้นเป็นแนว เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ราคา 22,000 บาท เพื่อยึดถือที่ดินนี้เป็นของตน ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินที่จำเลยบุกรุกเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้จำเลยรื้อถอนรั้วที่กั้นไว้

จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลย เขตแดนระหว่างที่ดินโจทก์จำเลยมีแนวตรงและมีเครื่องหมายแน่นอน จำเลยไม่ได้บุกรุกทำลายต้นไม้ของโจทก์ รั้วกั้นเขตมีมานานแล้ว จำเลยครอบครองที่พิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยอย่างเป็นเจ้าของมาเกินกว่า 1 ปีแล้ว คดีโจทก์จึงขาดอายุความ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คดีไม่ขาดอายุความ ที่พิพาทภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้จำเลยรื้อถอนหลักรั้วที่ทำไว้ออกไป และให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเท่าที่โจทก์ชนะคดี (ทุนทรัพย์ 6,000 บาท) โดยกำหนดค่าทนายความ 300 บาทแทนโจทก์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์150 บาท แทนโจทก์

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยครอบครองที่พิพาทมาฝ่ายเดียวเกิน 1 ปี โจทก์จึงหมดสิทธิฟ้องร้องนั้น ทางพิจารณาต่างนำสืบว่าได้ครอบครองที่พิพาทโต้แย้งกันอยู่ ฟังไม่ชัดว่าจำเลยแย่งการครอบครองจากโจทก์ คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ แล้ววินิจฉัยว่า คดีนี้ชั้นแรกโจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้อง เนื้อที่ประมาณ 70 ตารางวาราคา 6,000 บาท ต่อมาโจทก์ขอแก้ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกที่ดินเพิ่มขึ้นรวมเป็นเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ราคา 22,000 บาท ศาลอนุญาตให้แก้ฟ้องได้แล้ว ในการพิจารณาศาลสั่งให้ทำแผนที่พิพาท คู่ความนำชี้ว่าที่พิพาทคือที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่พิพาทซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ ในการสืบพยานของคู่ความและวินิจฉัยของศาลชั้นต้นก็กล่าวว่าที่พิพาทคือที่ดินที่ปรากฏภายในเส้นสีแดงตามแผนที่กลาง แต่เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษากลับพิพากษาให้ที่พิพาทภายในเส้นสีแดงตามแผนที่สังเขปท้ายฟ้องเป็นของโจทก์ ดังนี้เห็นว่าเป็นการพิพากษาไม่ตรงประเด็นที่คู่ความพิพาทและศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยคำพิพากษาและคำสั่ง แต่ศาลฎีกาเห็นสมควรพิพากษาแก้ไขเสียให้ถูกต้องไปทีเดียวโดยไม่ต้องย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์พิพากษาใหม่ และเห็นว่าที่พิพาทคดีนี้มีเนื้อที่ 6 ไร่ภายในเส้นสีแดงตามแผนที่พิพาท

พิพากษาแก้เป็นว่า ที่ดินภายในเส้นสีแดงตามแผนที่พิพาทเป็นของโจทก์ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้อง ให้จำเลยรื้อถอนหลักรั้วที่ทำไว้ออกไป ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์ 500 บาท

Share