คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1289/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 2 ปลูกสร้างต่อเติมอาคารโดยมิได้รับอนุญาตจากเทศบาล แม้จะเป็นการผิดเทศบัญญัติ แต่ก็ไม่ได้ล่วงสิทธิของโจทก์ จึงถือว่าจำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์มิได้ คดีนี้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสมุด หนังสือ ฯลฯ ที่เสียหายอันเนื่องจากลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อในการก่อสร้างอาคารให้จำเลยที่ 2 โดยทำให้รางน้ำและท่อน้ำฝนของโจทก์อุดตัน น้ำฝนไหลเข้าเปียกสมุด หนังสือ ฯลฯของโจทก์ที่มีไว้ขายเสียหาย มิได้เรียกร้องค่าเสียหายอันเกี่ยวกับตัวฝาผนังที่ฝ่ายจำเลยใช้เป็นฐานในการต่อเติมเป็นฝาผนังอาคารของจำเลยที่ 2 ทั้งข้อนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏว่าความเสียหายที่จำเลยที่ 1 หรือลูกจ้างจำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่จำเลยที่ 2 ให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้างจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดเพื่อความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าโจทก์มีร้านขายสมุด หนังสือติดกับอาคารตึกแถวของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ว่าจ้างจำเลยที่ 1 ก่อสร้างต่อเติมอาคารของจำเลยที่ 2 เป็นตึกสามชั้น โดยอาศัยฝาผนังอาคารของโจทก์เป็นอาคารและเป็นฐานก่อสร้าง โดยโจทก์มิได้ยินยอมและมิได้รับอนุญาตจากเทศบาลและผิดเทศบัญญัติ จำเลยที่ 1 กระทำโดยประมาทไม่ควบคุมดูแลลูกจ้างให้ดี ลูกจ้างของจำเลยจึงทำให้เศษของหล่นกองบนหลังคาเมื่อฝนตกน้ำฝนจึงไหลพัดลงอุดรางน้ำและท่อน้ำฝนของโจทก์ตัน และน้ำไหลเข้าเปียกสมุด หนังสือของโจทก์เสียหายคิดค่าเสียหายรวมทั้งดอกเบี้ยเป็นเงิน127,080 บาท 48 สตางค์ ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ให้โจทก์

จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ประมาท จำเลยที่ 2 ได้รับความยินยอมจากโจทก์ และได้รับอนุญาตจากเทศบาลแล้ว ความเสียหายต่าง ๆ เกิดจากความผิดของโจทก์ที่ทำรางน้ำเล็ก ทั้งรางน้ำอุดตันเพราะหยากไย่และรังนก โจทก์ป้องกันความเสียหายได้ก็ไม่ทำ ความเสียหายเกิดเพราะวาตภัย ค่าเสียหายสูงเกินไป

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหาย 15,000 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย ยกฟ้องจำเลยที่ 2

โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่ 2 ต่อเติมอาคารโดยมิได้รับอนุญาตจากเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด และใช้ฝาผนังอาคารของโจทก์เป็นฐานในการต่อเติมเป็นฝาผนังอาคารของจำเลยที่ 2 โดยมิได้รับความยินยอมจากโจทก์จำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์นั้นเห็นว่าการที่จำเลยที่ 2 ปลูกสร้างต่อเติมอาคารโดยมิได้รับอนุญาตจากเทศบาลแม้จะเป็นการผิดเทศบัญญัติแต่ก็ไม่ได้ล่วงสิทธิของโจทก์ จึงถือว่าจำเลยที่ 2 ทำละเมิดต่อโจทก์มิได้คดีนี้โจทก์ขอให้บังคับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายของสมุดหนังสือ และกระดาษต่าง ๆ อันเนื่องมาจากลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อในการก่อสร้างอาคารให้จำเลยที่ 2 โดยปล่อยให้เศษปูนและเศษวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ตกลงบนหลังคา รางน้ำฝน และท่อน้ำฝนอาคารของโจทก์ ครั้นฝนตกน้ำฝนไม่สามารถไหลจากรางน้ำไปลงท่อได้ตามปกติ เพราะมีเศษวัสดุก่อสร้างดังกล่าวอุดอยู่ที่ปากท่อ เป็นเหตุให้น้ำฝนล้นจากรางไหลลงในอาคารโจทก์ ทำให้สมุด หนังสือ และกระดาษต่าง ๆ ที่เก็บอยู่ในอาคารเสียหายตามคำขอดังกล่าวโจทก์มิได้เรียกร้องค่าเสียหายอันเกี่ยวกับตัวฝาผนังอาคารที่ฝ่ายจำเลยใช้เป็นฐานในการต่อเติมเป็นฝาผนังอาคารของจำเลยที่ 2 ทั้งข้อนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏว่าความเสียหายที่จำเลยที่ 1 หรือลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้นเพราะจำเลยที่ 2 เป็นผู้ผิดในส่วนการงานที่สั่งให้ทำ หรือในคำสั่งที่จำเลยที่ 2 ให้ไว้ หรือในการเลือกหาผู้รับจ้าง จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดเพื่อความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์ และวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์ไม่ได้มีส่วนร่วมในการทำให้เกิดความเสียหาย (เห็นควรกำหนดให้โจทก์ได้รับชดใช้ค่าเสียหาย 35,000 บาท)

พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 35,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2519 จนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share