คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้อความในสัญญามีว่า “แม้สัญญาฉบับนี้จะต้องผ่านการโอนการต่ออายุ หรือการเปลี่ยนมืออย่างใด ๆ หรือตัวยานยนต์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาต้องประสบความสูญเสีย เสียหายหรือย่อยยับประการใด ผู้ซื้อก็หาหลุดพ้นจากหน้าที่รับผิดตามสัญญานี้แต่อย่างใดไม่” ข้อความในสัญญาดังกล่าวมีความหมายว่า ผู้ซื้อจะต้องรับผิดใช้ราคาให้แก่ผู้ขาย ไม่ว่ารถยนต์จะสูญหายไปด้วยเหตุใด ๆ ก็ตามจึงรวมถึงการสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัยด้วย (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 4,6/2517)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อรถยนต์บรรทุกพร้อมด้วยเครื่องอุปกรณ์ไปจากโจทก์โดยจำเลยที่ ๒ ได้ทำหนังสือค้ำประกันรับผิดชอบยอมใช้เงินค่าเช่าซื้อแทนในกรณีที่จำเลยที่ ๑ ผิดสัญญาเช่าซื้อ จำเลยที่ ๑ ชำระค่าเช่าซื้อบางงวดแล้ว ต่อมาจำเลยที่ ๑ แจ้งกับโจทก์ว่ารถยนต์ถูกคนร้ายลักไป จำเลยที่ ๑ ไม่มีเงินชำระ โจทก์ทวงถาม จำเลยขอผัดผ่อนเรื่อยมา ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยที่ ๑ ชำระค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระพร้อมทั้งดอกเบี้ย ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระก็ให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทนจนครบ
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ผิดสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ที่เช่าซื้อได้ถูกคนร้ายใช้ปืนขู่บังคับเอาไปจากคนขับ ได้แจ้งให้โจทก์ทราบแล้วและได้ขอเลิกสัญญากับโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกดอกเบี้ย เหตุที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย จำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิดทั้งในค่าเสียหายและค่าเช่าซื้อ เพราะสัญญาได้เลิกไปแล้ว ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม โจทก์ได้รับค่าประกันภัยไปแล้วจึงไม่เสียหาย เมื่อจำเลยที่ ๑ ไม่ต้องรับผิด จำเลยที่ ๒ จึงไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า รถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อถูกคนร้ายใช้ปืนจี้เอาไปสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจึงเป็นอันระงับไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๗ โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกให้จำเลยชำระค่าเช่าอีกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๗๐ วรรค ๑ สัญญาข้อ ๒ ระหว่างโจทก์จำเลยไม่รวมถึงเหตุสุดวิสัยนอกเหนืออำนาจของจำเลยพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า รถยนต์ถูกคนร้ายลักไปไม่ใช่เหตุสุดวิสัยตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์สูญหายไปไม่ว่าเพราะเหตุใด จำเลยก็ไม่พ้นความรับผิด พิพากษากลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินพร้อมทั้งดอกเบี้ย ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระ ให้จำเลยที่ ๒ ชำระแทน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า รถยนต์คันพิพาทได้ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนขู่จี้เอาไปในขณะที่ลูกจ้างของจำเลยนำรถไปบรรทุกทราย และวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่าสัญญาท้ายฟ้องข้อ ๒ ว่า “แม้สัญญาฉบับนี้จะต้องผ่านการโอน การต่ออายุหรือการเปลี่ยนมืออย่างใด ๆ หรือตัวยานยนต์อันเป็นวัตถุแห่งสัญญาต้องประสพความสูญเสีย เสียหายหรือย่อยยับประการใด ผู้ซื้อก็หาหลุดพ้นจากหน้าที่รับผิดตามสัญญาฉบับนี้แต่อย่างใดไม่…” ข้อความในสัญญาที่ยกมาดังกล่าวแล้วมีความหมายว่า ผู้ซื้อ (จำเลย) จะต้องรับผิดใช้ราคาให้แก่ผู้ขาย (โจทก์) ไม่ว่ารถยนต์จะสูญหายไปด้วยเหตุใด ๆ ก็ตาม จึงรวมถึงการสูญหายไปเพราะเหตุสุดวิสัยด้วย จำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิดใช้เงินให้แก่โจทก์ตามสัญญาและจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกันก็ต้องรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share