คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานยักยอกระบุการกระทำที่เป็นความผิดเฉพาะแต่ตอนที่ว่า “เจ้าทรัพย์ได้ไปขอไถ่แหวนเพชรที่จำนำจำเลยไว้จำเลยไม่ยอมให้ไถ่” เช่นนี้ ไม่เป็นการแสดงว่าจำเลยเบียดบังที่จะเอาทรัพย์(แหวน เพชร) นั้นเป็นของตนโดยทุจริต หากเป็นแต่เพียงแสดงว่าจำเลยผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น ส่วนข้อความที่บรรยายในฟ้องตอนต้นที่ว่า “จำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาแหวนเพชร ซึ่งได้รับจำนำไว้เป็นประโยชน์ของตนเสีย” นั้น เป็นเพียงข้อความที่แสดงเจตนาของจำเลยว่าจะยักยอกทรัพย์เท่านั้น หาใช่การกระทำไม่
เมื่อฟ้องของโจทก์ระบุการกระทำผิดแต่เพียงว่าเจ้าทรัพย์ได้ไปขอไถ่แหวนเพชรที่จำนำจำเลยไว้ จำเลยไม่ยอมให้ไถ่เช่นนี้ โจทก์จะนำสืบถึงการกระทำอย่างอื่นเพื่อแสดงว่าจำเลยเบียดบังเอาแหวนเพชร เป็นของตนก็ย่อมไม่ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น
เมื่อฟ้องของโจทก์แม้จะสืบได้ความก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์มาแต่ต้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๕ มี.ค.๒๕๐+ เวลากลางวัน จำเลยได้รับจำนำแหวน เพชร ๑ วงราคา ๑,๒๐๐ บาทของนางกิมเอ็งไว้เป็นเงิน ๑๕๐ บาท ในระหว่างวันที่ ๒๕ มี.ค.๒๕๐๐ ถึงวันที่ ๒๒ ก.ค. ๒๕๐๐ เวลาไม่ปรากฎจำเลยบังอาจมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาแหวนเพชรดังกล่าวเป็นประโยชน์ของตนเสียโดยเมื่อวันที่ ๒๒ ก.ค. ๒๕๐๐ นางกิมเอ็งได้ไปไถ่คืน แล้วจำเลยไม่ยอมให้ไถ่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นตรวจฟ้องแล้ว เห็นว่าฟ้องของโจทก์ไม่บริบูรณ์ที่จะลงโทษจำเลยในทางอาญา จึงพิพากษายกฟ้อง โดยไม่ต้องสืบพยาน ตาม ป.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘ และ ๑๖๑
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ฟ้องของโจทก์มีข้อความครบถ้วนอันเป็นเกณฑ์องค์ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๕๒ แล้ว ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้โจทก์จำเลยนำพยานสืบตามฟ้องและข้อต่อสู้แล้วให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกาขอให้ยกฟ้องตามศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามฟ้องของโจทก์ระบุการกระทำที่เป็นความผิดเฉพาะแต่ตอนที่ว่า “เมื่อวันที่ ๒๒ ก.ค.๒๕๐๐ นางกิมเอ็งได้ไปขอไถ่ (แหวน เพชร) คืนแล้วจำเลยไม่ยอมให้ไถ่ เท่านั้น ข้อความดังกล่าวหาได้แสดงให้เห็นว่าเป็นการเบียดบังของจำเลยที่จะเอาทรัพย์เป็นของตนโดยทุจริตไม่ แต่หากเป็นเพียงแสดงว่าจำเลยผิดสัญญาในทางแพ่งเท่านั้น ส่วนข้อความในตอนต้นที่ว่า “จำเลยมีเจตนาทุจริตเบียดบังเอาแหวน เพชรซึ่งได้รับจำนำไว้เป็นประโยชน์ของตนเสีย ” นั้น เป็นเพียงข้อความแสดงเจตนาของจำเลยที่จะยักยอกทรัพย์ต่างหากหาใช่การกระทำไม่ และเมื่อฟ้องของโจทก์ระบุการกระทำผิดแต่เพียงว่า นางกิมเอ็งได้ไปขอไถ่แล้วจำเลยไม่ยอมให้ไถ่ การที่โจทก์จะนำสืบถึงการกระทำอย่างอื่นเพื่อแสดงว่าจำเลยเบียดบังเอาแหวนเพชรเป็นของตนก็ย่อมไม่ได้ เพราะเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็น เมื่อฟ้องของโจทก์แม้จะสืบได้ความ ก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ดังนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์มาแต่ต้น
พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้ยกฟ้องโจทก์ดังศาลชั้นต้น

Share