คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 979/2485

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อสืบพยานโจทหมดแล้วถึงวันนัดสืบพยานจำเลยคู่ความไม่มาสาลทั้งสองฝ่าย สาลจะสั่งจำหน่ายคดีหาได้ไม่ ต้องถือว่าจำเลยขาดนัดพิจารนาแล้ววินิจฉัยชี้ขาดไปตามหลักถานพยานโจทฝ่ายเดียว

ย่อยาว

โจทฟ้องเรียกเงินกู้กับดอกเบี้ยซึ่งจำเลยไห้การปติเสธ
เมื่อสืบพยายโจทหมดแล้ว สาลนัดสืบพยานจำเลยต่อไป
ถึงวันนัด โจทและทนายจำเลยและทนายต่างไม่มา สาลชันต้นจึงสั่งจำหน่ายคดีตามประมวนกดหมายวิธีพิจารนาความแพ่ง ม. ๒๐๐
โจทยื่นคำร้องขอไห้ยกคดีขึ้นพิจารนาไหม่ สาลชั้นต้นสั่งไม่อนุญาต
โจทอุธรน์ สาลอุธรน์ ฟังว่าจะถือเปนคดีขาดนัดไม่ได้ พิพากสาไห้สาลชั้นต้นคำเนินกะบวนพิจารนาและพิพากสาต่อไป
จำเลยดีกา สาลดีกาเห็นว่ารูปคดีชนิดนี้ต้องปรับบทด้วยมาตรา ๒๐๒ ประมวนวิพิจารนาแพ่ง เพราะได้ความว่าจำเลยได้ซาบวันนัดพิจารนาสืบพยานจำเลยแล้ว ฉะนั้นเมื่อโจทสืบพยานหมดแล้ว ถึงคราวจะสืบพยานจำเลย จำเลยไม่นำพยานมา พยานโจทที่สืบไปคงไช้ได้หยู่ สาลมีอำนาดวิจิฉัยชี้ขาดไปตามน้ำหนักหลักถานแห่งคำพยานโจทจะไปจำหน่ายคดีดจทเสียมิชอบ เพราะโจทมิได้เปนผู้ขาดนัดแต่ประการได เพราะวันสืบพยานจำเลยโจทจะไม่มาสาลก็ได้ จึงพิพากสายืนตามสาลอุธรน์

Share