แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การซื้อขายเรือนซึ่งไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ย่อมไม่เป็นโมฆะเสมอไป ยังต้องอาศัยข้อเท็จจริงในทางพิจารณาอยู่ว่าเป็นการซื้อขายเรือนเพื่อรื้อเอาไป หรือว่าเป็นการซื้อขายเพื่อให้เรือนคงอยู่ในสภาพเดิม ซึ่งข้อบัญญัติของกฎหมายย่อมมีนัยต่างกัน.
กรณีที่ศาลสอบถามคู่ความแล้วมีการชี้ขาดเบื้องต้นตาม มาตรา 24 อุทธรณ์ฎีกาได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อเรือนมาปลูกสร้างให้โจทก์ตามสภาพเดิม มิฉะนั้นให้ใช้ราคาเรือนและค่าเสียหาย โดยจำเลยสมคบกันรื้อเรือนของโจทก์ จำเลยที่ ๒ ให้การว่ เรือนที่โจทก์หาราคาไม่ถึง ๔๐๐๐ บาท และเป็นของจำเลยที่ ๑ ๆ ขายให้แก่จำเลยที่ ๒ จำเลยที่ ๑ ส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องไม่ได้ โจทก์ขอถอนฟ้องศาลอนุญาต ศาลชั้นต้นถามคู่ความแล้ววินิจฉัยว่า เรือนพิพาทเป็นอสังหาริมทรัพย์ จำเลยที่ ๑ ขายให้จำเลยที่ ๒ โดยไม่ได้ทำเป็นหนังสือต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นโมฆะ จำเลยที่ ๒ ไม่ได้กรรมสิทธิ และเมื่อรับว่าโจทก์เป็นเจ้าของร่วมด้วย จึงให้งดสืบพะยานในข้อซื้อขาย และให้สืบฉะเพาะราคาเรือนและค่าเสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานให้สิ้นกระแสร์ความ แล้วพิพากษาต่อไป
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ พิพาทกันเรื่องเรือนที่จำเลยซื้อไป ซึ่งข้อกฎหมายต่างกับการซื้อขายเพื่อให้เรือนยังคงอยู่ในสภาพเดิม รายงานพิจารณาที่จดไว้อ่านรวมกันเข้าทั้งหมดก็ฟังไม่ถนัดว่า จำเลยรับว่าโจทก์มีส่วนเป็นเจ้าของเรือนรายพิพาท
พิพากษายืน.