คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 975/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การอุทธรณ์การประเมินภาษีของอำเภอนั้น ให้อุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานประเมินก่อน แล้วจึงอุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำจังหวัด แต่ถ้าเป็นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินแล้ว ให้อุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำจังหวัดทีเดียว ถัดจากนี้จึงให้อุทธรณ์ต่อศาล อย่างไรก็ตามในกรณีที่อำเภอประเมินภาษีนั้น แม้จะอุทธรณ์ข้ามเจ้าพนักงานประเมินไป คืออุทธรณ์ตรงต่อข้าหลวงประจำจังหวัดทีเดียวนั้น ถ้าข้าหลวงประจำจังหวัดรับวินิจฉัยให้แล้ว ก็ไม่น่าจะล้วงไปวินิจฉัยว่าอุทธรณ์ข้ามเจ้าพนักงานประเมินไป เพราะได้ก้าวล่วงพ้นมาแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1-2 ได้ประเมินเรียกเก็บภาษีโรงค้าจากโจทก์ในปี พ.ศ. 2494 เป็นเงิน 360 บาท โดยคิดค่ารายปีถึง 900 บาท เกินไปกว่าที่โจทก์เคยเสีย 216 บาท โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์คัดค้านต่อจำเลยที่ 3 ๆ ได้สั่งยกอุทธรณ์ของโจทก์ จึงขอให้ศาลพิพากษาว่าค่าภาษีรายปีสำหรับร้านค้าของโจทก์ควรเสียปีละ 144 บาท ให้จำเลยคืนเงินที่เก็บเกิน 216 บาทแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ได้อุทธรณ์การประเมินภาษีตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร ฯลฯ

ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน แล้วพิพากษาว่าโจทก์ปฏิบัติไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์การอุทธรณ์ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลรัษฎากร มาตรา 29พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า การอุทธรณ์การประเมินนั้นประมวลรัษฎากรบัญญัติไว้หลายมาตราด้วยกันเช่น มาตรา 18, 20, 29, 30 เป็นต้นการอุทธรณ์การประเมินของอำเภอให้อุทธรณ์ต่อเจ้าพนักงานประเมินก่อน แล้วจึงอุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำจังหวัด แต่ถ้าเป็นการประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน ก็ให้อุทธรณ์ต่อข้าหลวงประจำจังหวัดถัดจากนี้จึงให้อุทธรณ์ต่อศาล คดีเรื่องนี้ โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1-2 ได้ประเมินภาษีร้านค้าของโจทก์ถ้าเป็นความจริงก็จำต้องอุทธรณ์ต่อจำเลยที่ 3 ใช่แต่เท่านั้นแม้โจทก์จะได้อุทธรณ์ข้ามจำเลยที่ 2เสียก็ดี เมื่อจำเลยที่ 3 รับวินิจฉัยให้แล้ว ก็จำต้องฟ้องศาล

จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาแล้ว พิพากษาใหม่ตามรูปความ

Share