แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีปรากฏตามคำร้องว่า ผู้ร้องตั้งประเด็นแห่งคดีเพียงประเด็นเดียวว่า ผู้ร้องมีบุริมสิทธิเหนือข้าวเปลือกพิพาท แม้โจทก์จะให้การว่าโจทก์ทราบว่าผู้ร้องได้ตวงข้าวเปลือกทำเป็นค่าเช่านาไปแล้ว คำให้การของโจทก์ไม่ยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว คำให้การในส่วนนี้จึงเคลือบคลุม และแม้ชั้นไต่สวนคำร้องผู้ร้องจะนำสืบว่าเป็นเรื่องผู้ร้องฝากข้าวเปลือกพิพาทซึ่งเท่ากับค่าเช่านาไว้กับจำเลย ข้าวเปลือกที่โจทก์นำยึดจะเป็นของผู้ร้องก็ตาม ก็ไม่ทำให้ประเด็นที่ผู้ร้องตั้งมาเปลี่ยนแปลงไปที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องในฐานะผู้ให้เช่ายังไม่ได้รับชำระข้าวเปลือกเป็นค่าเช่านาไปจากจำเลย จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยในปัญหานี้ก็ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ถือว่าไม่ได้ว่ากล่าวกันมาแต่ในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249
ในชั้นที่โจทก์เพียงนำยึดข้าวเปลือกของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนคำพิพากษา โจทก์ยังไม่ได้ดำเนินการบังคับชำระหนี้เอากับทรัพย์ดังกล่าวแต่อย่างใดผู้ร้องอ้างว่ามีบุริมสิทธิเหนือข้าวเปลือกที่ยึดไว้นั้น บุริมสิทธิของผู้ร้องมีอยู่อย่างไรก็คงมีอยู่อย่างนั้น การนำยึดข้าวเปลือกไว้ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาของโจทก์ หาได้มีผลทำให้บุริมสิทธิของผู้ร้องเหนือข้าวเปลือกไว้ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาของโจทก์ หาได้มีผลทำให้บุริมสิทธิของผู้ร้องเหนือข้าวเปลือกเปลี่ยนแปลงไปไม่ หากมีการดำเนินการบังคับคดีกับทรัพย์นั้นในชั้นคดีถึงที่สุด ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์ดังกล่าวได้ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 ดังนั้นในชั้นนี้ผู้ร้องหามีความจำเป็นจะต้องอ้างบุริมสิทธิตามคำร้องไม่ ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิจะขอคืนข้าวเปลือกพิพาท
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระหนี้ โจทก์ขอให้ศาลมีคำสั่งยึดทรัพย์จำเลยไว้ชั่วคราวก่อนคำพิพากษา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตโจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดข้าวเปลือกจำนวน ๘ เกวียนของจำเลยตามคำสั่งศาลชั้นต้น
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า จำเลยเช่าที่ดินจากผู้ร้องทำนา รวมค่าเช่าที่จำเลยต้องชำระ ๗ เกวียน ๔๕ ถัง ข้าวเปลือกที่โจทก์นำยึดเป็นผลผลิตจากนาที่จำเลยเช่า ผู้ร้องมีบุริมสิทธิตาม พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ มาตรา ๕๑ ขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งคืนข้าวเปลือกจำนวนดังกล่าวแก่ผู้ร้อง
โจทก์คัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีเอกสารการเช่า จึงไม่มีอำนาจร้องตามคำร้อง โจทก์ทราบจากผู้มีชื่อว่าผู้ร้องและบริวารได้ตวงข้าวเปลือกจากจำเลยหักเป็นค่าเช่านาไปแล้ว ข้าวเปลือกที่เหลือเป็นของจำเลย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว วินิจฉัยว่า ผู้ร้องมีบุริมสิทธิเหนือข้าวเปลือกของจำเลย มีคำสั่งให้คืนข้าวเปลือกจำนวน ๗ เกวียน ๔๕ ถัง แก่ผู้ร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ผู้ร้องได้รับชำระข้าวเปลือกเป็นค่าเช่านาจากจำเลยผู้เช่าไปแล้ว ข้าวเปลือกที่โจทก์นำยึดเป็นของจำเลยผู้เช่านา ผู้ร้องไม่อาจร้องขอให้ปล่อยข้าวเปลือกที่ยึดได้ พิพากษากลับให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เนื่องจากโจทก์ขอยึดทรัพย์ของจำเลยชั่วคราวก่อนคำพิพากษา โดยนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดข้าวเปลือกจำนวน ๘ เกวียน ผู้ร้องจึงร้องขอให้คืนข้าวเปลือก ๗ เกวียน ๔๕ ถังแก่ผู้ร้อง ซึ่งผู้ร้องมุ่งประสงค์ร้องขัดทรัพย์ที่ยึดชั่วคราวดังกล่าวว่าข้าวเปลือกที่ยึดไม่ใช่ของจำเลย แต่กลับปรากฏตามคำร้องของผู้ร้องอ้างแต่เพียงว่า ผู้ร้องมีบุริมสิทธิในค่าเช่านาเหนือข้าวเปลือกที่โจทก์นำยึดจึงมีผลเท่ากับผู้ร้องตั้งประเด็นแห่งคดีมาเพียง ประเด็นเดียวว่า ผู้ร้องมีบุริมสิทธิเหนือข้าวเปลือกจำนวน ๗ เกวียน ๔๕ ถัง ตามที่ผู้ร้องอ้าง แม้ชั้นไต่สวนคำร้อง ผู้ร้องจะนำสืบว่าเป็นเรื่องผู้ร้องฝากข้าวเปลือกพิพาทซึ่งเท่ากับค่าเช่านาไว้กับจำเลย ข้าวเปลือกที่โจทก์นำยึดจะเป็นของผู้ร้องก็ตาม ก็ไม่ทำให้ประเด็นที่ผู้ร้องตั้งมาเปลี่ยนแปลงไป ส่วนที่โจทก์ให้การโต้แย้งเป็นทำนองว่า ผู้ร้องได้ตวงข้าวเปลือกเป็นค่าเช่านาไปจากจำเลยแล้ว ก็ปรากฏว่า โจทก์ให้การเพียงว่าโจทก์ทราบว่าผู้ร้องได้ตวงข้าวเปลือกทำเป็นค่าเช่านาไปแล้ว คำให้การของโจทก์ไม่ยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าวคำให้การในส่วนนี้ จึงเคลือบคลุม ประเด็นแห่งคดี จึงคงมีเพียงว่าผู้ร้องมีบุริมสิทธิเหนือข้าวเปลือกจำนวน ๗ เกวียน ๔๕ ถังหรือไม่เท่านั้น ที่ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องในฐานะผู้ให้เช่ายังไม่ได้รับชำระข้าวเปลือกเป็นค่าเช่านาไปจากจำเลย จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น แม้ศาลอุทธรณ์จะได้วินิจฉัยในปัญหานี้ก็ไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ถือว่าไม่ได้ว่ากล่าวกันมาแต่ในศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๔๙ ผู้ร้องฎีกาว่า ผู้ร้องในฐานะผู้ให้เช่าที่ดินพิพาท จึงเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. ๒๕๒๔ มาตรา ๕๑ ผู้ร้องจึงชอบที่จะยื่นคำร้องขอรับชำระหนี้ค่าเช่านาได้ก่อนเจ้าหนี้สามัญ เห็นว่า ในชั้นนี้โจทก์เพียงนำยึดข้าวเปลือกของจำเลยไว้ชั่วคราวก่อนคำพิพากษา โจทก์ยังไม่ได้ดำเนินการบังคับชำระหนี้เอากับทรัพย์ดังกล่าวแต่อย่างใดผู้ร้องอ้างว่ามีบุริมสิทธิเหนือข้าวเปลือกที่ยึดไว้นั้น บุริมสิทธิของผู้ร้องมีอยู่อย่างไรก็คงมีอยู่อย่างนั้น การนำยึดข้าวเปลือกไว้ชั่วคราวก่อนคำพิพากษาของโจทก์ หาได้มีผลทำให้บุริมสิทธิของผู้ร้องเหนือข้าวเปลือกเปลี่ยนแปลงไปไม่ หากมีการดำเนินการบังคับคดีกับทรัพย์นั้นในชั้นคดีถึงที่สุด ผู้ร้องย่อมมีสิทธิร้องขอให้บังคับเหนือทรัพย์ดังกล่าวได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๗ ดังนั้นในชั้นนี้ผู้ร้องหามีความจำเป็นจะต้องอ้างบุริมสิทธิตามคำร้องไม่ ผู้ร้องจึงยังไม่มีสิทธิจะขอคืนข้าวเปลือกจำนวน ๗ เกวียน ๔๕ ถัง ตามคำร้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคำร้องของผู้ร้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน