คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 433/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ทายาทของผู้ตายร่วมกันไปกู้เงินผู้อื่นมาไถ่นาพิพาท และให้เจ้าหนี้ทำนาพิพาทต่างดอกเบี้ยภายใน 1 ปีนับแต่เจ้ามรดกตายนั้น ถือว่าทายาทเหล่านั้นได้ครอบครองนาพิพาทด้วยกัน ตลอดเวลาที่เจ้าหนี้ทำนามรดกนั้นต่างดอกเบี้ยอยู่ หากทายาทคนใดไปลอบไถ่มาโดยไม่แจ้งให้ทายาทอื่นทราย ก็ไม่ถือว่าทายาทคนอื่นสละการครอบครอง คงถือว่าทายาทลอบที่ไถ่มาครอบครองแทนทายาทอื่นนั้น และคดีไม่ขาดอายุความมรดก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดก ถ. จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ คดีมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาเฉพาะที่นามรดกรายพิพาทว่า โจทก์จำเลยได้ครอบครองมาด้วยกันจริงหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในปีที่ ถ.เจ้ามรดกตายนั้นเอง ง.สามีโจทก์ ย.ภริยาจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ซึ่งเป็นบุตร ถ.ผู้ตายได้ไปกู้เงินต.ใช้ให้เจ้าหนี้ผู้ตายเป็นเงิน ๒๔๐ บาท และอานารายพิพาทให้เจ้าหนี้ทำต่างดอกเบี้ยนั้นคืนมาให้ ต. ทำนาต่างดอกเบี้ยอยู่ ๗ ปี เมื่อย.ภริยาจำเลยที่ ๑ ตายแล้ว จำเลยที่ ๑ จึงเอาเงิน ๒๔๐ บาทไปใช้หนี้ ต. เอานาพิพาทคืนมาให้ผู้อื่นเช่าทำนา ๒ ปี โดยจำเลยที่ ๒ และโจทก์ไม่ทราบพอปีที่ ๓ จำเลยที่ ๒ ทราบเรื่องจึงออกเงินช่วยใช้หนี้ครึ่งหนึ่งจำเลยที่ ๑ จึงแบ่งนาพิพาทให้จำเลยที่ ๒ ครึ่งหนึ่ง เมื่อโจทก์ทราบเรื่องจึงขอแย่งนาพิพาทและใช้หนี้ตามส่วน จำเลยที่ ๑ ไม่ยอม
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ถ.ตายมา ๑๕ ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ ให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า เฉพาะเรื่องเรือนพิพาท โจทก์ออกจากเรือนพิพทไปอยู่ที่อื่นจนขาดอายุความ ฟ้องตามศาลชั้นต้น ส่วนนาพิพาททายาททุกคนได้ครอบครองร่วมกันมา พิพากษาแก้ให้แบ่งนาพิพาทให้เป็น ๓ ส่วน ๆ ละเท่า ๆ กัน ให้โจทก์ จำเลยคนละส่วน ไม่ตกลงให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่ง
จำเลยทั้ง ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็ฯวา การที่บุตรผู้ตายทั้ง ๓ ไปกู้เงิน ต.มาไถ่นาคือภายใน ๑ ปีนับแต่ ถ.ตายและให้ต.ทำนาต่างดอกเบี้ยนั้น ต่าวได้ครอบครองนายมรดกมาด้วยกัน ตลอดเวลาที่ ต.ทำนาต่างดอกเบี้ย โดยต.ครอบครองแทน ที่จำเลยที่ ๑ ไปลอบไถ่มาจาก ต แล้วเอามาให้คนอื่นเช่าโดยปิดบังไม่แจ้งให้โจทก์ และจำเลยที่ ๒ ทราบนั้น ถือไม่ได้ว่าโจทก์และจำเลยที่ ๒ สละการครอบครองให้จำเลยที่ ๑ ต้องถือว่า โจทก์จำเลยเป็นเจ้าของร่วมครอบคอรงแทนกันมา
พิพากษายืน

Share