คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9738/2544

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นโจทก์ในคดีได้รับเอกสารที่สูญหายไปจากสำนวนความของศาลคืนมาแล้ว ยังคงเก็บเอกสารดังกล่าวไว้อีก 2 ถึง 3 วัน โดยไม่นำมาส่งคืนศาล การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเช่นนี้มิใช่เป็นเพราะอยู่ในที่บังคับหรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้ จึงมิใช่กระทำความผิดด้วยความจำเป็นอันจะทำให้ไม่ต้องรับโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากระหว่างการพิจารณาคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 775/2537 ของศาลชั้นต้น เจ้าพนักงานศาลได้รายงานต่อศาลว่าเอกสารที่โจทก์ส่งอ้างในคดีซึ่งศาลหมาย จ.9 และ จ.10 สูญหายไปจากสำนวนความของศาล ต่อมาผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดังกล่าวนำเอกสารมามอบคืนศาลชั้นต้น

ศาลชั้นต้นเห็นว่า แม้ผู้ถูกกล่าวหาจะมิได้ยอมรับโดยตรงว่าเป็นผู้เอาเอกสารทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาไปจากศาล แต่เมื่อผู้ถูกกล่าวหาได้รับเอกสารทั้ง 2 ฉบับคืนได้เก็บเอกสารทั้ง 2 ฉบับไว้เป็นเวลา 2 ถึง 3 วัน โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นการกระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1), 33 ให้ปรับ 500 บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30

ผู้ถูกกล่าวหาอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน

ผู้ถูกกล่าวหาฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาว่า คดีมีเหตุที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่ควรได้รับโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 67 หรือไม่ เห็นว่า บทบัญญัติในเรื่องการกระทำความผิดด้วยความจำเป็นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 67 แบ่งแยกความจำเป็นออกเป็น 2 ประการ กล่าวคือ ประการแรกเป็นความจำเป็นเพราะอยู่ในที่บังคับซึ่งการบังคับหรือบงการให้กระทำที่เป็นความผิดนั้นมาจากภายนอก ผู้ถูกบังคับมิได้คิดริเริ่มกระทำการนั้นขึ้นด้วยใจตนเอง แต่เป็นเพราะไม่มีทางที่จะทำอย่างอื่นได้ หรืออีกประการหนึ่งก็คือเป็นความจำเป็นซึ่งไม่มีการบังคับหรือบงการให้กระทำ แต่มีภยันตรายที่จะต้องหลีกเลี่ยงและผู้กระทำเลือกเลี่ยงภยันตรายโดยวิธีกระทำการอันเป็นความผิดด้วยความคิดริเริ่มของตน แม้อาจทำอย่างอื่นได้ แต่การกระทำอย่างอื่นนั้นก็ยังทำความเสียหายแก่ผู้อื่นอยู่นั่นเอง ดังนั้น การกระทำด้วยความจำเป็นอันเป็นมูลเหตุแห่งการยกเว้นโทษจึงไม่ใช่สิทธิ แต่เป็นการกระทำที่ไม่ใช่การกระทำโดยผู้กระทำมีจิตใจเป็นอิสระ แต่กระทำโดยถูกผู้อื่นหรือเหตุการณ์อื่นบังคับอีกชั้นหนึ่ง ส่วนความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลนั้นเป็นความผิดต่อศาลและการลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลก็เป็นอำนาจของศาลโดยเฉพาะ ซึ่งตามพฤติการณ์แห่งคดีปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาเมื่อได้รับเอกสารหมาย จ.9 และ จ.10 คืนมาแล้วยังคงเก็บเอกสารดังกล่าวไว้อีก 2 ถึง 3 วัน โดยไม่นำมาส่งคืนศาลและการเก็บเอกสารเช่นว่านั้นก็มิได้รับอนุญาตจากศาล การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเช่นนี้หาใช่เป็นเพราะอยู่ในที่บังคับหรือภายใต้อำนาจซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนได้แต่อย่างใด การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาจึงมิใช่กระทำความผิดด้วยความจำเป็นอันจะทำให้ไม่ต้องรับโทษที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาลงโทษผู้ถูกกล่าวหามานั้นชอบแล้วฎีกาของผู้ถูกกล่าวหาฟังไม่ขึ้นแต่ที่ศาลล่างลงโทษปรับผู้ถูกกล่าวหา 500 บาท นั้น เห็นว่าหนักเกินไปสมควรแก้ไขเสียใหม่ให้เหมาะสมแก่รูปคดี”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับ 200 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4

Share