คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ให้จำเลยเข้าสู้ราคาซื้อที่ดินในการที่ศาลขายทอดตลาดแทนโจทก์ จำเลยรับโอนกรรมสิทธิ์แล้วต้องขายแก่โจทก์ตามสัญญา กรณีไม่ใช่ตัวแทนที่จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยโอนที่ดินโฉนดที่ 1003 แก่โจทก์และรับชำระเงิน 50,000 บาทกับดอกเบี้ยจากโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมการโอน จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “กรณีเป็นเรื่องโจทก์ให้จำเลยซื้อทรัพย์พิพาทแทนโจทก์ แล้วจำเลยทำสัญญาคืนที่พิพาทให้โจทก์ แต่โจทก์ยังไม่มีเงินจำนวน 50,200 บาทใช้คืนจึงได้ทำสัญญากู้ไว้ 2 ยอดรวม 50,000 บาทส่วนอีก 200 บาทจะชำระให้เสร็จในวันที่ 13 พฤษภาคม 2519 รวมทั้งค่าธรรมเนียมในการโอนด้วย ซึ่งก็เป็นการใช้แทนที่จำเลยต้องเสียไป อันเห็นได้ชัดว่าโจทก์มีเจตนาสุจริตที่จะให้จำเลยได้รับเงินคืนทั้งหมด จึงได้ทำหนังสือสัญญาเป็นหลักฐานไว้ชัดแจ้ง ทั้งในตอนท้ายของสัญญากู้ระบุไว้ด้วยว่า ระหว่างยังไม่โอน ผู้ซื้อ (หมายถึงโจทก์) จะชำระดอกเบี้ยทุกเดือนเป็นประจำ เหตุนี้จำเลยจึงต้องโอนที่ดินพิพาทให้โจทก์และรับชำระเงิน 50,200 บาท ซึ่งเท่ากับจำเลยได้รับคืนเงินที่จำเลยชำระค่าซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดจากโจทก์พร้อมกับดอกเบี้ยตามกฎหมาย ดังที่ปรากฏในสัญญาเอกสารหมาย จ.3 ข้อ 3 อีกด้วย ฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น

จำเลยฎีกาอีกว่า จำเลยปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้เข้าประมูล จำเลยชำระราคา และรับโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์ที่ประมูลด้วยตัวจำเลยเองไม่ปรากฏจากเอกสารใด ๆ ว่าจำเลยกระทำแทนโจทก์หรือผู้ใด หากฟังว่าเป็นตัวแทนก็จะต้องปรับบทเข้ากับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 ต้องทำเป็นหนังสือ จึงจะบังคับได้นั้น พิเคราะห์แล้ว กรณีนี้โจทก์มิได้ตั้งจำเลยเป็นตัวแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 798 และโดยสภาพโจทก์ก็ไม่กล้าแสดงตัวเพื่อเข้าประมูลสู้ราคาในการขายทอดตลาดทรัพย์พิพาทเพราะเกรงเจ้าหนี้อื่นจะยึดทรัพย์ที่ซื้อได้นั้น จึงได้ขอร้องให้จำเลยช่วยเข้าซื้อแทนโจทก์และโจทก์ซื้อคืนจากจำเลยโดยชำระหนี้ตามเงื่อนไขดั่งที่ปรากฏในสัญญาเอกสารหมาย จ.3 กรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 798 ดังที่จำเลยฎีกา”

พิพากษายืน

Share