คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 73-74/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฮ. ฟ้อง อ. และ บ. เป็นจำเลยว่า ฮ. อ. บ. เป็นเจ้าของที่พิพาทร่วมกัน ขอให้บังคับให้ อ. และ บ. แบ่งที่ดินส่วนของ ฮ. ให้แก่ ฮ. บ. จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของ บ. แต่ผู้เดียว ส่วน อ. จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การแล้วกลับเป็นโจทก์ฟ้อง บ. เป็นคดีอีกสำนวนหนึ่งว่า อ. บ. และ ฮ. ได้ครอบครองที่พิพาทร่วมกันมา ที่ บ. ให้การในคดีแรกว่าที่พิพาทเป็นของบ. แต่ผู้เดียวนั้น เป็นการรบกวนสิทธิของ อ. อ. จึงขอให้พิพากษาแบ่งที่พิพาทให้แก่ อ. หนึ่งในสามส่วน ดังนี้ บ. จะหาว่าการที่ อ. ฟ้องตนนั้นเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริตไม่ได้

ย่อยาว

นายเฮงโจทก์ฟ้องเป็นสำนวนแรกว่า โจทก์ นางกวย และนายอัมพร จำเลยเป็นเจ้าของร่วมมีส่วนเท่ากันในที่ดินพิพาท นางกวยตาย นายเบ๊จำเลยเป็นผู้รับมรดก โจทก์ขอให้จำเลยทั้งสองแบ่งที่ให้โจทก์ จำเลยไม่ยอมแบ่ง ขอให้บังคับให้จำเลยทั้งสองแบ่งที่ดินให้โจทก์ตามส่วน
นายเบ๊จำเลยให้การต่อสู้ว่าที่ดินตามฟ้องเป็นของนายเบ๊จำเลยแต่ผู้เดียว ขอให้ยกฟ้อง
นายอัมพร จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
เมื่อสืบพยานโจทก์ในสำนวนแรกนี้หมดแล้ว นายอัมพรจำเลยจึงยื่นฟ้องนายเบ๊ จำเลยเป็นคดีอีกสำนวนหนึ่ง วาตน นายเบ๊ กับนายเฮง (โจทก์คดีแรก) ได้ครอบครองที่พิพาทร่วมกันมา เมื่อนายเฮงฟ้องตนกับนายเบ๊ นายเบ๊ให้การว่าที่พิพาทเป็นของนายเบ๊แต่ผู้เดียว ที่ให้การดังนี้เป็นการรบกวนสิทธิครอบครองของตน จึงขอให้ศาลพิพากษาแบ่งที่ดินเป็น ๓ ส่วน ให้ตนได้ ๑ ส่วน
นายเบ๊จำเลยให้การต่อสู้คดีหลังนี้ว่า ที่พิพาทเป็นของนายเบ๊แต่ผู้เดียวอีกว่านายอัมพร โจทก์ทราบคำให้การของนายเบ๊ในคดีแรกนั้นแล้ว ก็มิได้โต้แย้ง การที่มาฟ้องตนในคดีหลังนี้เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เพราะขาดนัดยื่นคำให้การในคดีที่นายเฮงฟ้อง
คู่ความขอให้รวมการพิจารณาคดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้แบ่งที่พิพาทแก่ผู้รับมรดกความของนายเฮง นายอัมพร และนายเบ๊ ให้ได้คนละ ๑ ส่วน ถ้าแบ่งกันไม่ได้ก็ให้ขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกัน
นายเบ๊จำเลยอุทธรณ์ทั้งสองสำนวน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายเบ๊จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่ว่านายอัมพรใช้สิทธิฟ้องคดีโดยไม่สุจริตเพราะในคดีที่นายเองฟ้องนายอัมพร กับนายเบ๊นั้น นายอัมพรขาดนัดยื่นคำให้การ ไม่ใช้สิทธิต่อสู้คดี ครั้นสืบพยานโจทก์หมดแล้ว นายอัมพรกลับมาฟ้องนายเบ๊เป็นอีกคดีหนึ่ง เป็นโอกาสให้นำพยานฝ่ายโจทก์เข้าสืบเพิ่มเติมได้อีกนั้น เห็นว่านายอัมพรถือว่าตนมีสิทธิเป็นเจ้าของที่พิพาทอยู่ส่วนหนึ่งเช่นเดียวกับนายเฮง การที่นายเฮงฟ้องขอแบ่งที่พิพาทจึงตรงกับความประสงค์ของนายอัมพรด้วย แต่จะร้องสอดขอเป็นโจทก์ร่วมก็ไม่ได้ เพราะถูกนายเฮงฟ้องเป็นจำเลยร่วมกับนายเบ๊อยู่แล้ว แต่เมื่อนายเบ๊ให้การต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นของนายเบ๊แต่ผู้เดียว เป็นการโต้แย้งสิทธิของนายอัมพร ๆ ก็ชอบที่จะฟ้องนายเบ๊ขอให้แบ่งที่ส่วนของตนได้ และในการสืบพยาน นายอัมพรจะอ้างและสืบพยานคนใดก็ได้ ทั้งนายเบ๊มิได้คัดค้าน การที่ศาลสั่งรวมพิจารณาพิพากษา แม้พยานโจทก์ในสำนวนแรกจะสืบเสร็จไปแล้ว นายอัมพรก็สืบพยานของตนเพิ่มเติมได้ เพราะมิใช่เป็นโจทก์ร่วมในสำนวนแรก ฎีกาของนายเบ๊จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

Share