คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 973/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ช.บิดาโจทก์จำเลยได้เอาที่ดินเนื้อที่ 19 ไร่เศษมาตีเป็นทองคำหมั้นให้แก่ ข. 6 ไร่ในเวลาที่โจทก์กับ ข.สมรสกัน และกองทุนให้โจทก์กับ ข. อีก 4 ไร่ รวมเป็น 10 ไร่ โจทก์กับ ข.มีบุตรคนหนึ่ง ข.ตาย ที่ 10 ไร่จึงตกได้แก่โจทก์และบุตร จึงขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์มีกรรมสิทธิในที่นา 10 ไร่ ห้ามมิให้จำเลยเกี่ยวข้อง ดังนี้ ต้องแปลฟ้องโจทก์ว่า โจทก์มิได้ฟ้องขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้รับมฤดก ช. ให้โอนที่ให้แก่โจทก์ตามสัญญาที่ ช.ทำไว้กับโจทก์และ ข. แต่ฟ้องโดยถือว่าที่ตกเป็นของ ข. และโจทก์แล้ว 10 ไร่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายช้อยบิดาโจทก์,จำเลยได้เอาที่ดินเนื้อที่ ๑๙ ไร่ ๒ งาน ๕๒ วามาตีเป็นทองคำหมั้นให้แก่นางขันถม ๖ ไร่ ในเวลาที่นางขันถมสมรสกับโจทก์และกองทุนให้โจทก์กับนางขันถมอีก ๔ ไร่ รวมเป็น ๑๐ ไร่ แต่ยังไม่ได้แก้ทะเบียน โจทก์และนางขันถมได้ยึดถือที่ดินนี้เป็นของตนรวม ๑๐ ไร่ ต่อมาโจทก์และนางขันถมอยู่กินด้วยกัน จนมีบุตร คือ เด็กชายเฉลิม นางขันถมตาย นา ๖ ไร่ที่ตีเป็นทองหมั้นและตกเป็นสินส่วนตัว จึงตกได้แก่โจทก์และบุตร ส่วนอีก ๔ ไร่ที่เป็นทุนก็ตกแก่โจทก์และบุตร ส่วนนายช้อยคงเหลืออีกเพียง ๙ ไร่ ๒ งาน ๕๒ วา นายช้อยตายในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ จำเลยได้ตกลงให้โจทก์เป็นผู้ออกเงินทำศพ จำเลยจะไม่เกี่ยวข้องกับที่มฤดก ๙ ไร่เศษนี้ โดยให้เป็นกรรมสิทธิแก่โจทก์บัดนี้จำเลยได้ประกาศขอรับมฤดกที่แปลงนี้รวมทั้งของโจทก์ ๑๐ ไร่ด้วย จึงขอให้ศาลแสดงว่า โจทก์มีกรรมสิทธิในที่นา ๑๐ ไร่ ห้ามไม่ให้จำเลยเกี่ยวข้อง หักค่าทำศพออกจากที่ดินส่วนที่เป็นมฤดกและแบ่งให้โจทก์,จำเลยคนละส่วน รวม ๓ ส่วน จำเลยที่ ๑ ให้การว่านายช้อยเป็นคนวิกลจริต ไม่ได้ทำสัญญาดังฟ้อง หากได้ทำก็โดยถูกหลอกลวงและถูกกลอุบายของโจทก์ การยกให้ไม่สมบูรณ์ จำเลยที่ ๒ ให้การว่าไม่เคยให้โจทก์ออกเงินค่าทำศพนายช้อย โดยจำเลยจะไม่เกี่ยวข้องด้วยกับที่ดินของนายช้อย โจทก์ไม่มีสิทธิหักเงินค่าทำศพออกจากกองมฤดกนายช้อยเพราะเป็นเรื่องต่างฝ่ายต่างกระทำไปตามหน้าที่ของบุตร ชั้นพิจารณารับกันว่า โจทก์ได้ออกเงินค่าทำศพทดรอง ๖๐๐ บาท ศาลชั้นต้นเห็นว่า แม้นายช้อยจะได้ทำสัญญาไว้จริง ก็เป็นสัญญาให้ที่ดินโฉนด เมื่อไม่ได้จดทะเบียนตกเป็นโมฆะ ที่ ๑๐ ไร่โจทก์ยึดไว้เป็นของตนไม่ถึง ๑๐ ปี และไม่ปรากฎว่าแยกกันปกครองเป็นส่วนสัด โจทก์,จำเลยทั้ง ๓ คนเป็นทายาทโดยธรรมของนายช้อยและได้ว่ากันมาในเรื่องมฤดกอยู่แล้ว สมควรแบ่งมฤดกให้เสร็จไปด้วย พิพากษาให้เอาที่นารายพิพาททั้งแปลงมาแบ่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญารายนี้เป็นสัญญาต่างตอบแทนกัน ไม่ใช่สัญญาให้โจทก์ฟ้องขอให้ผู้รับมฤดกปฏิบัติตามสัญญาต่อไป ผู้รับมฤดกจึงมีหน้าที่โอนนา ๑๐ ไร่ให้แก่โจทก์ ศาลฎีกาได้ตรวจคำพรรณาในคำฟ้อง คดีของโจทก์แล้ว โจทก์มิได้ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยในฐานะผู้รับมฤดกนายช้อยให้โอนให้แก่โจทก์ตามสัญญา แต่ฟ้องโดยถือว่า ตกเป็นของนางขันถมและโจทก์ ๑๐ ไร่ โจทก์หาได้ฟ้องดังฎีกาไม่
พิพากษายืน

Share