แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามข้อกำหนดคดีภาษี พ.ศ.2539 ข้อ 10 วรรคสี่ ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น กำหนดกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับการขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานไว้ว่า คู่ความซึ่งขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานจะต้องแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลได้ว่า มีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่า 7 วัน การที่โจทก์มิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน โดยอ้างว่าได้ปรับปรุงซ่อมแซมที่ทำการของโจทก์ ได้เคลื่อนย้ายเอกสารต่าง ๆ และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์เดินทางไปต่างประเทศไม่สามารถหาเอกสารยื่นต่อศาลได้ทันนั้น มิใช่เหตุขัดข้องในการยื่นบัญชีระบุพยาน กรณีไม่มีเหตุอันสมควรจะอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีตามหนังสือเลขที่ ๕๒๐๐๐๒๐/๕/๑๐๐๕๙๒ ถึง ๑๐๐๕๙๘ ลงวันที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๑ และคำวินิจฉัยอุทธรณ์ เลขที่ ชบ/๒๘ ถึง ๓๔/๒๕๔๓ ลงวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๕๔๓ กับขอให้งดหรือลดเบี้ยปรับให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มประเภทขายปลีกเครื่องโทรศัพท์ ปรากฏว่าโจทก์มีรายการภาษีซื้อสูงกว่าภาษีขายอันเป็นการผิดปกติ เจ้าพนักงานประเมินจึงทำการตรวจปฏิบัติการทั่วไป พบว่าโจทก์ไม่จัดทำรายการภาษีซื้อหรือรายงานภาษีขายภายใน ๓ วันทำการ และมิได้จัดทำใบกำกับภาษีโดยทันที โจทก์ไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด นอกจากนี้โจทก์มิได้นำรายการส่วนลดหรือค่าตอบแทนจากการเปิดเลขหมายมาแสดงในงบการเงินกับออกใบกำกับภาษีขายบางฉบับไม่ถูกต้อง ทำให้ไม่สามารถตรวจหาราคาขายที่แท้จริงได้ เจ้าพนักงานประเมินจึงต้องตรวจสอบจากผู้ประกอบการรายอื่นเพื่อเปรียบเทียบและทำการประเมินราคาสินค้าของโจทก์เพิ่มขึ้นโดยใช้ราคาขายปลีกที่ผู้นำเข้ากำหนดให้ตัวแทนคิดเอาจากผู้บริโภค ซึ่งถือว่าเป็นราคาตลาดตามมาตรา ๗๙/๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร โจทก์จำหน่ายสินค้าในราคาเท่าทุนหรือต่ำกว่าทุนเป็นการจำหน่ายสินค้าต่ำกว่าราคาตลาดโดยไม่มีเหตุสมควร การที่เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยได้อาศัยอำนาจตามมาตรา ๘๘ , ๗๙/๓ (๑) แห่งประมวลรัษฎากร ทำการประเมินภาษีมูลค่าเพิ่มพร้อมทั้งเบี้ยปรับและเงินเพิ่มของโจทก์เพิ่มขึ้นเป็นการกระทำที่ชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายแล้ว การที่โจทก์ออกหลักฐานใบกำกับภาษีขายอันเป็นเท็จและแสดงข้อมูลฐานภาษีขายต่ำแต่ภาษีซื้อสูง โจทก์มีเจตนาหลีกเลี่ยงการชำระภาษีอากรอย่างชัดแจ้ง จึงไม่มีเหตุที่จะงดหรือลดเบี้ยปรับให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ไม่ยื่นบัญชีระบุพยานภายในกำหนด วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ ซึ่งเป็นวันนัดชี้สองสถานโจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์มิได้มีเจตนาไม่ยื่นบัญชีระบุพยานและยื่นต้นฉบับเอกสารต่อศาล เนื่องจากมีการซ่อมแซมที่ทำการโจทก์ต้องเคลื่อนย้ายเอกสาร และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์เดินทางไปต่างประเทศ ทำให้ไม่สามารถค้นหาและจัดเตรียมได้ทัน ขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานและยื่นต้นฉบับเอกสารต่อศาล
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว มีคำสั่งยกคำร้อง วันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๔๓ ศาลภาษีอากรกลางพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรพิจารณาแล้ว ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์มีว่า มีเหตุอันสมควรอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานและยื่นต้นฉบับเอกสารหรือไม่ ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า ช่วงเดือนกันยายน ถึงตุลาคม ๒๕๔๓ โจทก์ปรับปรุงซ่อมแซมที่ทำการของโจทก์ ได้เคลื่อนย้ายเอกสารต่าง ๆ และกรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนโจทก์เดินทางไปต่างประเทศ ไม่สามารถหาเอกสารยื่นต่อศาลได้ทันนั้น เห็นว่า เหตุขัดข้องตามที่โจทก์อ้างดังกล่าว มิใช่เหตุขัดข้องในการยื่นบัญชีระบุพยาน เป็นเพียงเหตุที่อาจทำให้โจทก์ไม่สามารถยื่นต้นฉบับเอกสารต่อศาลได้เท่านั้น กรณีไม่มีเหตุอันสมควรจะอนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานตามข้อกำหนดคดีภาษีอากร พ.ศ.๒๕๓๙ ข้อ ๑๐ วรรคสี่ ที่ใช้บังคับอยู่ในขณะนั้น ดังนั้นจึงไม่จำต้องวินิจฉัยว่า มีเหตุอันสมควรจะอนุญาตให้โจทก์ยื่นต้นฉบับเอกสารหรือไม่ต่อไป ที่ศาลภาษีอากรกลางไม่อนุญาตให้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานและยื่นต้นฉบับเอกสารต่อศาลชอบแล้ว อุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑,๐๐๐ บาท แทนจำเลย.