คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 971/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทย์ฟ้องหลังจากเจ้ามรดกตายหลายปีแล้ว แต่โจทก์ครอบครองทรัพย์มรดกร่วมมากับจำเลย ไม่เคยสละสิทธิเลย ดังนี้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความตาม ม. 1754.

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยเป็นบุตรนายกับนางเล็กซึ่งถึงแก่กรรมแล้ว นายกับนางเล็หมีมรกหรวม ๔ สิ่ง โจทก์ได้ขอรับมรดกตามบัญชีหมายเลข ๓-๔ คณะกรมการอำเภอศรีประจัทต์ จังหวัดสุพรรณบุรีเปรียบเทียบให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง ส่วนทรัพย์ หมายเลข ๑-๒ ยังไม่มีผู้ใดไปขอรับมรดกต่อเจ้าพนักงานเมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๔๙๓ จำเลยทั้งสองได้มาขอตราจองที่นาหมายเลข ๓-๔ โดยอ้างว่าเป็นของจำเลยทั้งหมด โจทก์คัดค้าน จึงขอให้บังคับให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกให้โจทก์
จำเลยรับว่าโจทก์จำเลยเป็นบุตรนายกับนางเล็กจริง แต่ต่อสู้ว่านายกับนางเล็กไม่มีทรัพย์มรดก ทรัพย์ท้ายฟ้องเป็นของจำเลยทั้งสองทั้งหมด โดยอ้างเหตุผลหลายประการ และตัดฟ้องว่าจำเลยได้ครอบครองทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องนี้แต่ฝ่ายเดียวเกินกว่า ๑ ปี คดีขาดอายุความแล้ว
ก่อนสืบพยาน คู่ความรับกันว่า ที่บ้านตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องหมายเลข ๑ โจทก์จำเลยมีสิทธิฝ่ายละ ๑ ใน ๓ โดยถือเอาส่วนที่แต่ละฝ่ายมีเรือนอยู่แล้วเป็นของฝายตน ขณะนี้มีรั้วกั้นอยู่แล้ว ถ้าเนื้อที่ขาดเกินกว่ากันก็จะยอมให้แก่กันจนเนื้อที่เท่ากัน คู่ความตกลงกันดั่งนี้ จึงไม่ต้องนำสืบถึงที่บ้าน
ศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ฟังว่าทรัพย์พิพาทเป็นของจำเลย โดยจำเลยเอานาทั้งสองแปลงนี้จำนองสหกรรณ์บ้านลวด โจทก์และนายกับนางเล็กรู้แล้วไม่คัดค้าน จำเลยย่อมได้สิทธิครอบครอง โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อขาดอายุความแล้ว พิพากษาว่าที่บ้านคือทรัพย์ตามบัญชีหมายเลข ๑ เป็นของโจทก์จำเลยฝ่ายละ ๑ ใน ๓ ของเนื้อที่โดยให้ถือเอาส่วนที่ต่างครอบครองมีเรือน และรั้วอยู่แล้วตามที่ตกลงกัน ทรัพย์อื่นให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า ทรัพย์หมายเลข ๒ เป็นของจำเลย ทรัพย์หมายเลข ๓-๔ เป็นของนายกับนางเล็ก เมื่อนายกับตายใน พ.ศ.๒๔๙๒ โจทก์ก็ยังทำนาอยู่ และใน พ.ศ.๒๔๙๓ โจทก์ไปขอรับมรดกบิดามารดาต่ออำเภอมิได้ทอดทิ้งคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ เพราะได้ครอบครองที่มรดกมา พิพากษาแก้ให้แบ่งนาหมายเลข ๓-๔ ให้ลโจทก์ครึ่งหนึ่ง ถ้าไม่สามารถแบ่งกันได้ให้ประมูลหรือขายทอดตลาด เอาเงินมาแบ่งกันตามลำดับ นอกจากนี้ยืน
จำเลยฝ่ายเดียวฏีกา ขอให้ยกฟ้องของโจทก์เสียทั้งหมดตามที่ศาลจังหวัดสุพรรณบุรีได้พิพากษาไว้
คดีนี้คงเหลือปัญหาเกี่ยวกับทรัพย์หมายเลข ๓-๔ ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า เดิมเป็นของนายกับนางเล็ก และการที่นายเปรื่องนางใบจำเลยทำอยู่ในนาทั้ง ๒ แปลงนี้ก็โดยอาศัยสิทธินายกับนางเล็กนั้นเอง และการที่นายเปรื่องนางเล็กเอาไปจำนองสหกรณ์นั้นเป็นการกระทำด้วยความยินยอมของนายกับนางเล็กเอาไปจำนองสหกรณ์นั้น เป็นการกระทำด้วยความยินยอมของนายกับนางเล็ก ซึ่งมีสิทธิครอบครองนาทั้ง ๒ แปลงนั้น ซึ่งนางสุ่มโจทก์อันมีฐานะเสมือนคนภายนอกในขณะนั้น หามีสิทธิคัดค้านการกระทำของนายเปรื่องได้ไม่ จะยกเอาข้อที่โจทก์ไม่คัดค้าน การที่นายเปรื่องจำเลยโอนนา ๒ แปลงนี้ไปจำนองมาปิดปากโจทก์จึงไม่ชอบ ทรัพย์ดังกล่าว จึงเป็นมรดกของนายกับนางเล็ก ซึ่งตกได้แก่โจทก์จำเลยคนละครึ่ง นายกับตายเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๙๒ โจทก์ยังทำนาพิพาทอยู่ เพิ่งไม่ได้ทำในปี ๒๔๙๓ แต่ในปีนั้นโจทก์ก็ไม่ได้ละทิ้ง คงดำเนินการเรียกร้องเอาส่วนแบ่งมรดกรายนี้อยู่ตลอดมาเมื่อไม่สำเร็จจึงได้นำคดีมาฟ้องแสดงว่า โจทก์ได้ครอบคอรงทรัพย์มรดกร่วมมากับจำเลย ไม่เคยสละสิทธิเลย ฟ้องของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์

Share