แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ฎีกาโจทก์ซึ่งทนายลงนามแทนนั้นใช้ไม่ได้ และถึงแม้โจทก์จะให้สัตยาบันในภายหลังก็ตาม ถ้าให้ภายหลังเมื่อสิ้นกำหนดอายุความฎีกาแล้วก็ไม่เป็นผล
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ที่ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.คุ้มครองวรรณกรรมและศิลปกรรม พ.ศ.๒๔๗๔ ม.๒๕
โจทก์ฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แต่ปรากฎว่าโจทก์ไม่ได้ลงนามในฎีกาด้วยตนเองเป็นแต่ทนายของโจทก์ลงนามมาในฎีกา จำเลยจึงคัดค้าน
ศาลฎีกาตัดสินว่าในกรณีนี้ควรใช้ ม.๑๕ แห่งประมวลวิธีพิจารณาความอาญาซึ่งบัญญัติให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับเท่าที่บังคับได้ คือ ม.๖๒ ซึ่งบัญญัติว่าทนายความไม่มีอำนาจใช้สิทธิในการฎีกาแทนคู่ความเว้นแต่จะได้รับอำนาจโดยชัดแจ้ง ส่วนการที่โจทก์ให้สัตยาบันการกระทำของทนายของตนนั้นใช้ไม่ได้เพราะคำร้องขอรับรองนั้นได้ยื่นต่อศาลฎีกาสิ้นเวลาอายุฎีกาแล้ว และมาตรา ๘ แห่งประมวลวิธีพิจารณาความอาญาที่โจทก์อ้างมานั้น ไม่เกี่ยวกับคดีนี้ จึงพิพากษาให้ยกฎีกาโจทก์