คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5089/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253และมาตรา 253 ทวิ ในกรณีที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้โจทก์วางเงินต่อศาลหรือหาประกันมาให้เพื่อการชำระค่าฤชาธรรมเนียม ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์หรือ ศาลฎีกานั้น จำนวนเงินที่จะให้วางหรือหาประกันมาคงคำนวณเฉพาะ ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเฉพาะในแต่ละชั้นศาล เท่านั้น หาใช่ต้องคำนวณให้พอตลอดทั้งสามศาล โดยไม่จำต้อง พิจารณาว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะคดี เพราะศาลมีอำนาจ ที่จะพิพากษาให้ฝ่ายที่ชนะคดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 และอัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยมีทุนทรัพย์ 18,378,312 บาท ศาลชั้นต้นสั่ง ให้โจทก์วางเงินประกันจำนวน 60,000 บาท จึงเป็นการเพียงพอแล้ว

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันคืนหุ้นบางกอกแลนด์ (บีแลนด์) จำนวน 80,000 หุ้นในราคาเท่าที่โจทก์ซื้อมาและให้คืนหุ้นธนายง (ที-ยง) จำนวน20,000 หุ้น ในราคาที่โจทก์ซื้อมา รวมเป็นเงิน 14,270,000.40 บาทและให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน121,941.47 บาท ให้แก่โจทก์ ถ้าไม่อาจคืนหุ้นหรือชดใช้เงินตามตั๋วสัญญาใช้เงิน ให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันหรือแทนกันชดใช้เงิน14,391,941.87 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากต้นเงินดังกล่าว เป็นเวลา 674 วัน เป็นเงิน 3,986,370 บาทให้แก่โจทก์ และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี จากต้นเงิน14,391,941 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระให้โจทก์แล้วเสร็จ
จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การ และยื่นคำร้องขอให้โจทก์วางเงินประกันค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 2,200,000 บาท
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์มิใช่ผู้อยู่ในอำนาจศาล เนื่องจากมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศฮ่องกง กรณีไม่จำต้องไต่สวนคำร้องจึงให้โจทก์วางเงินประกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 253 เป็นเงิน 60,000 บาท ภายใน 10 วัน นับแต่วันมีคำสั่ง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำร้องของจำเลยที่ 1 ลงวันที่2 สิงหาคม 2538 อ้างว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยที่ 1 ในจำนวนทุนทรัพย์ 18,378,312 บาท ถ้าจำเลยที่ 1แพ้คดีในบางศาล จำเลยที่ 1 ก็ต้องเสียค่าขึ้นศาลอีกไม่น้อยกว่าศาลละ 200,000 บาท และเมื่อจำเลยที่ 1 ชนะคดีในที่สุดโจทก์มีหน้าที่ต้องชำระค่าขึ้นศาลแทนจำเลยที่ 1 ที่เสียไปไม่น้อยกว่า400,000 บาท และจะต้องชำระค่าทนายความให้จำเลยที่ 1ทั้งสามศาลอย่างน้อยร้อยละ 10 ของทุนทรัพย์ คิดเป็นเงินประมาณ1,800,000 บาท จึงขอให้ศาลสั่งให้โจทก์วางเงินประกันเพื่อการชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 2,200,000 บาท นั้นประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 253 ที่แก้ไขใหม่บัญญัติว่า”ถ้าโจทก์มิได้มีภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานอยู่ในราชอาณาจักรและไม่มีทรัพย์สินที่อาจถูกบังคับคดีได้อยู่ในราชอาณาจักรหรือถ้าเป็นที่เชื่อได้ว่า เมื่อโจทก์แพ้คดีแล้ว จะหลีกเลี่ยงไม่ชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย จำเลยอาจยื่นคำร้องต่อศาลไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษาขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์วางเงินต่อศาล หรือหาประกันมาให้เพื่อการชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้” และวรรคสอง บัญญัติว่า “ถ้าศาลไต่สวนแล้วเห็นว่า มีเหตุอันสมควรหรือมีเหตุเป็นที่เชื่อถือได้แล้วแต่กรณีก็ให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์วางเงินต่อศาลหรือหาประกันมาให้ตามจำนวนและภายในระยะเวลาที่กำหนด โดยจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆตามที่เห็นสมควรก็ได้” และตามมาตรา 253 ทวิ บัญญัติว่า “ในกรณีที่โจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาคัดค้านคำพิพากษา ถ้ามีเหตุใดเหตุหนึ่งตามมาตรา 253 วรรคหนึ่ง จำเลยอาจยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาแล้วแต่กรณี ไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษาขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์วางเงินต่อศาลหรือหาประกันมาให้เพื่อการชำระค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้” เห็นว่าตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว กฎหมายมีวัตถุประสงค์กำหนดวิธีการคุ้มครองประโยชน์ของจำเลยในระหว่างพิจารณา ในกรณีที่จำเลยยื่นคำร้องขอให้โจทก์วางเงินต่อศาลหรือหาประกันมาให้เพื่อการชำระค่าฤชาธรรมเนียมที่จะเกิดขึ้น ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นก็ดี ศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาก็ดี จำนวนเงินที่จะให้วางหรือหาประกันมาให้คงคำนวณเฉพาะค่าฤชาธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นเฉพาะในแต่ละชั้นศาลเท่านั้น หาใช่ต้องคำนวณให้พอตลอดทั้งสามศาลดังที่จำเลยเข้าใจไม่ สำหรับจำนวนเงินที่ศาลจะสั่งให้โจทก์วางต่อศาลหรือหาประกันนั้นกฎหมายก็ได้บัญญัติไว้ให้ศาลมีคำสั่งตามจำนวนและภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยจะกำหนดเงื่อนไขใด ๆ ตามที่เห็นสมควรก็ได้ ทั้งนี้โดยไม่จำต้องพิจารณาว่าฝ่ายใดจะเป็นฝ่ายแพ้หรือชนะคดีเพราะศาลมีอำนาจที่จะพิพากษาให้ฝ่ายที่ชนะคดีเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 161 และอัตราค่าทนายความท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง คดีนี้โจทก์ฟ้องโดยมีทุนทรัพย์18,378,312 บาท เงินประกันที่ศาลชั้นต้น สั่งให้โจทก์วางจำนวน60,000 บาท เป็นการเพียงพอแล้ว
พิพากษายืน

Share