แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยพาอาวุธปืนไปในถนนสาธารณะก่อนแล้วจึงใช้ปืนยิงฆ่าเขาตายนั้น ต้องมีความผิดตามมาตรา 371 กระทงหนึ่งด้วย แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นกระทงหนักที่สุดตามมาตรา 91 ได้ไม่ใช่มาตรา 90
การที่ผู้ตายรู้อยู่ว่าหญิงเป็นภรรยาของจำเลยแล้วยังพยายามติดต่อทางชู้สาวเอาไปเป็นภรรยาจนได้ จำเลยยังมีเยื่อใยจึงติดตามไปพบทั้งภรรยาและผู้ตายเดินมาด้วยกันจำเลยได้วิงวอนขอให้ภรรยากลับไปอยู่กับตน ผู้ตายกลับสบประมาทว่า “เป็นหน้าตัวเมียผู้หญิงเขาไม่รักจะตามมาทำไม” ถือว่ารุนแรงสำหรับกรณีเช่นจำเลยนี้ และเป็นเหตุให้บันดาลโทสะเพราะถูกข่มเหงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมตามมาตรา 72 และคำนึงถึงเหตุผลเช่นนี้กับเหตุผลตามมาตรา 56 แล้ว ศาลรออาญาโทษจำคุกไว้ตามมาตรา 56 ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพาอาวุธปืนไปตามถนนสาธารณะและใช้อาวุธปืนดังกล่าวฆ่านายแม้น ลักษณะวรรธนะ โดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 371 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพในข้อหาฐานพาอาวุธปืนไปตามถนนสาธารณะแต่ต่อสู้ป้องกันตัวและเกียรติยศชื่อเสียงในข้อหาว่ายิงนายแม้นตายแต่เมื่อสืบพยานโจทก์ได้ 2 ปาก จำเลยขอถอนคำให้การเดิมและรับสารภาพผิดดังฟ้องโจทก์ทุกประการและแถลงถึงมูลเหตุที่ทำให้จำเลยต้องกระทำผิด ขอความกรุณา
ศาลสั่งตัดพยานอ้างว่ารูปคดีวินิจฉัยได้แล้ว พิพากษาว่าจำเลยผิดดังฟ้องแต่ให้ลงโทษตามมาตรา 288 อันเป็นบทหนักตามมาตรา 90ให้จำคุกจำเลย 15 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีประโยชน์แก่การพิจารณาลดให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 7 ปี 6 เดือน ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์ว่า ยิงผู้ตายเพราะบันดาลโทสะเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรง ขอให้ลงโทษสถานเบาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 72
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยได้พาปืนไปในถนนสาธารณะก่อนแล้วจึงใช้ปืนยิงนายแม้น จำเลยต้องมีความผิดและว่า ผู้ตายประพฤติชั่วผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรงพยายามจะเอาภริยาของจำเลยเป็นภริยา จำเลยว่ากล่าวตักเตือนและขอร้องผู้ตายแล้วก็ไม่เชื่อฟังผลที่สุดจำเลยต้องเซ้งร้านตัดผมที่ระยองไปอยู่กรุงเทพฯ แต่ผู้ตายก็ยังลอบไปพบนางสุนันท์จนกระทั่งต้องยอมเป็นภริยาผู้ตายและหนีไปอยู่ด้วยนับว่าเป็นการข่มเหงน้ำใจจำเลยอย่างร้ายแรงมาก และเมื่อจำเลยไปพบผู้ตายกับนางสุนันท์เดินเที่ยวด้วยกันได้พูดขอให้ภริยากลับไปอยู่กับจำเลย ผู้ตายกลับพูดสบประมาทอย่างร้ายแรงและยังติดตามไปพูดจากันอีกจนจำเลยทนไม่ไหว จึงใช้ปืนยิงนายแม้นเพราะบันดาลโทสะเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม จำเลยควรได้รับความเมตตาปราณีอย่างยิ่ง
พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดมาตรา 288 และ 371 แต่ให้ลงโทษตามมาตรา 288 ซึ่งเป็นหนักตามมาตรา 91 จำเลยกระทำผิดขณะบันดาลโทสะควรได้รับความปราณีลดโทษให้ตามมาตรา 72 จึงให้จำคุกจำเลย 4 ปี จำเลยรับสารภาพมีประโยชน์แก่การพิจารณา ปราณีลดโทษให้ตามมาตรา 78 กึ่งหนึ่งคงจำคุกจำเลย 2 ปี จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนและเมื่อพิจารณาเหตุผลต่าง ๆ ในคดีนี้ปรากฏว่า จำเลยมีความประพฤติดีมีบุตรเล็ก ๆ ต้องเลี้ยงดู และพิจารณาดูเหตุผลตามมาตรา 56 แล้วเห็นควรรอการลงโทษจำเลยไว้มีกำหนด 5 ปี
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำของผู้ตายอย่างนี้กระทบกระเทือนต่อจิตใจของจำเลยผู้เป็นสามีอย่างยิ่ง และเนื่องจากจำเลยยังมีเยื่อใยตัดไม่ขาดจากนางสุนันท์จึงได้ติดตามไปพบนางสุนันท์กับผู้ตายในวันเกิดเหตุ ผู้ตายได้กล่าวสบประมาทจำเลยว่า “เป็นหน้าตัวเมียผู้หญิงเขาไม่รักจะตามมาทำไม” คำกล่าวเช่นนี้ต้องถือว่าเป็นถ้อยคำที่รุนแรงในกรณีของจำเลย ซึ่งต้องถูกพรากเมียของตนไปโดยชู้รักเป็นเหตุทำให้จำเลยบันดาลโทสะ เพราะถูกสบประมาทอย่างร้ายแรง ที่จำเลยยิงผู้ตายเป็นเพราะบันดาลโทสะเนื่องจากถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม
พิพากษายืน