คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9697/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 มิได้ปฏิเสธว่าตนไม่ได้นำใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มมาให้ พ. แต่จำเลยที่ 1 กลับเบิกความยอมรับว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้แนะนำให้จำเลยที่ 1 หารายได้พิเศษโดยให้จำเลยที่ 1 หาลูกค้าที่ต้องการซื้อใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มจาก ร้านค้า ประกอบคำเบิกความของเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมจำเลยที่ 1 ขณะที่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าจับกุมจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เป็นผู้นำใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มมาเปลี่ยนกับฉบับเดิม เจ้าพนักงานตำรวจได้แจ้งข้อหาร่วมกันปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอม จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในข้อหาใช้เอกสารปลอม แต่ปฏิเสธข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ เมื่อพยานโจทก์ทุกปากเบิกความสอดคล้องต้องกันประกอบกับข้อเท็จจริงที่จำเลยที่ 1 ไม่ได้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้าง แต่จำเลยที่ 1 กลับนำใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มไปขายให้แก่ผู้ซื้อ อีกทั้งเจ้าพนักงานตำรวจได้ตรวจค้นที่บ้านจำเลยที่ 1 ได้พบใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มปลอมและเอกสารอีกหลายอย่างซึ่งเกี่ยวกับใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้น พฤติการณ์ของจำเลยที่ 1 ดังกล่าว น่าเชื่อว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับพวกออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มโดยไม่มีสิทธิอันเป็นการปลอมเอกสารสิทธิ ตาม ป.อ. มาตรา 265 เมื่อจำเลยที่ 1 นำเอกสารดังกล่าวมามอบให้ ส. การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการใช้เอกสารปลอม ตาม ป.อ. มาตรา 268
ป.อ. มาตรา 268 บัญญัติให้ลงโทษผู้ใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตามมาตรา 265 และผู้ปลอมเอกสารนั้นแต่เพียงกระทงเดียว แต่จำเลยที่ 1 ใช้เอกสารอันเกิดจากการกระทำความผิดตาม ป.รัษฎากร มาตรา 80/13, 90/4 (3) ซึ่งเป็นกฎหมายพิเศษต่างหากจากประมวลกฎหมายอาญาจึงไม่เข้าข้อยกเว้นให้รับโทษฐานใช้เอกสารปลอมกระทงเดียว ตาม ป.อ. มาตรา 268 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน

Share