แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ว. เป็นผู้รับโจทก์เข้าทำงานในบริษัทจำเลยเป็นผู้ทำสัญญาจ้างโจทก์แทนจำเลยซึ่งตามหนังสือจ้างงานดังกล่าวระบุว่าว. มีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายธุรการบุคคลของบริษัทจำเลยและเมื่อมีกรณีที่โจทก์บกพร่องต่อหน้าที่ว.ก็เป็นผู้เรียกโจทก์ไปตำหนิเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าจำเลยได้เชิดว.ออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยหรือรู้แล้วยอมให้ว. เชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยในการจ้างหรือเลิกจ้างโจทก์ได้ดังนั้นการที่ว. บอกเลิกจ้างโจทก์จึงมีผลผูกพันจำเลยเสมือนว่าว.เป็นตัวแทนของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา821
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยโดยนางสาววันเพ็ญ คูประเสริฐวงศ์ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายธุรการและบุคคลได้จ้างโจทก์เข้าทำงานตำแหน่งผู้จัดการโรงงาน ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 32,800บาท กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ 15 และวันสิ้นเดือน ต่อมาวันที่20 มิถุนายน 2537 จำเลยโดยนางสาววันเพ็ญได้บอกเลิกจ้างโจทก์โดยให้มีผลเป็นการเลิกจ้างวันที่ 30 มิถุนายน 2537 โดยโจทก์ไม่ได้กระทำผิดและไม่ได้บอกกล่าวล่วงหน้า กับจำเลยค้างจ่ายเงินสะสมแก่โจทก์จำนวน 23,582.40 บาท ขอให้บังคับจำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า 16,400 บาท ค่าชดเชย 98,400 บาท และเงินสะสม 23,582.40 บาท แก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า นางสาววันเพ็ญ คูประเสริฐวงศ์ไม่มีอำนาจที่จะเลิกจ้างโจทก์ จำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ โดยเมื่อโจทก์รับเงินเดือนเมื่อวันสิ้นเดือนมิถุนายน 2537 แล้วไม่มาทำงานอีกเลย จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ในสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าและค่าชดเชยตามฟ้อง โจทก์ออกจากงานเนื่องจากละทิ้งหน้าที่จึงไม่มีสิทธิได้รับเงินสะสม และการที่โจทก์ออกจากงานจำเลยไม่อาจหาบุคคลที่จะมาควบคุมการผลิตแทนโจทก์ได้ทัน ทำให้ระบบการผลิตไม่ต่อเนื่อง ไม่สามารถผลิตสินค้าตามที่ลูกค้าสั่งได้ทันทำให้จำเลยได้รับความเสียหายเป็นเงิน 400,000 บาท แต่จำเลยขอเรียกร้องจากโจทก์เพียง 200,000 บาท ขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยจำนวน 200,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าชำระเสร็จแก่จำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ จำเลยจึงไม่ได้รับความเสียหายตามฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องแย้ง
วันนัดพิจารณา จำเลยแถลงว่าไม่ได้เลิกจ้างโจทก์ และจำเลยขอสละข้อต่อสู้เกี่ยวกับเงินสะสมโดยยอมจ่ายเงินสะสมให้โจทก์ตามฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่างหน้าจำนวน 16,400 บาท ค่าชดเชย 98,400 บาทและเงินสะสม 23,582.40 บาท แก่โจทก์ ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยอุทธรณ์ว่าจำเลยไม่ได้เลิกจ้างโจทก์เพราะนางสาววันเพ็ญ คูประเสริฐวงศ์ไม่มีอำนาจบอกเลิกจ้างโจทก์ เนื่องจากนางสาววันเพ็ญไม่ใช่นายจ้างของโจทก์ และไม่ใช้ตัวแทนหรือตัวแทนเชิดของจำเลย พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลาง ศาลแรงงานกลางไม่ได้รับฟังข้อเท็จจริงว่า นางสาววันเพ็ญเป็นนายจ้างของโจทก์แต่จากคำวินิจฉัยของศาลแรงงานกลางที่ฟังว่า นางสาววันเพ็ญเป็นผู้รับโจทก์เข้าทำงานในบริษัทจำเลย เป็นผู้ทำสัญญาจ้างโจทก์แทนจำเลยตามหนังสือจ้างงานเอกสารหมาย ล.2 ซึ่งตามหนังสือจ้างงานดังกล่าวระบุว่านางสาววันเพ็ญมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการฝ่ายธุรการบุคคลของบริษัทจำเลย และเมื่อมีกรณีที่โจทก์บกพร่องต่อหน้าที่นางสาววันเพ็ญก็เป็นผู้เรียกโจทก์ไปตำหนินั้น ศาลฎีกาเห็นว่าเป็นพฤติการณ์ที่ถือได้ว่าจำเลยได้เชิดนางสาววันเพ็ญออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลย หรือรู้แล้วยอมให้นางสาววันเพ็ญเชิดตัวเขาเองออกแสดงเป็นตัวแทนของจำเลยในการจ้างหรือเบิกจ้างโจทก์ได้ ดังนั้นการที่นางสาววันเพ็ญบอกเลิกจ้างโจทก์จึงมีผลผูกพันจำเลยเสมือนว่านางสาววันเพ็ญเป็นตัวแทนของจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 821
พิพากษายืน