คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2729/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้พิพากษาคนเดียวลงชื่อในคำสั่งไม่รับคำฟ้องอุทธรณ์เป็นการชอบด้วย มาตรา 21(2) แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม เพราะมิใช่เป็นไปในทางวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดี จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้นโดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 ศาลอุทธรณ์ชอบที่จะยกคำร้องอุทธรณ์ของจำเลยได้ โดยไม่ต้องกำหนดวันเวลาให้จำเลยปฏิบัติเสียก่อน เพราะบทบัญญัติดังกล่าวบังคับผู้อุทธรณ์แต่เพียงผู้เดียวให้ต้องปฏิบัติ หาใช่เป็นหน้าที่ของศาลไม่.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นสั่งว่า ข้อเท็จจริงตามที่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4อุทธรณ์นั้น เป็นข้อเท็จจริงซึ่งมิได้ยกขึ้นในชั้นพิจารณาคดีของศาลชั้นต้นมาก่อน เป็นข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นอุทธรณ์ ย่อมต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 จึงไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มิได้หาประกันหรือวางเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นตามที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 234 กำหนด จึงให้ส่งคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 2 เพื่อพิจารณา
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 มิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลชั้นต้นเป็นการไม่ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 คำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2533ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ในวันเดียวกันนั้น จำเลยที่ 2ที่ 3 และที่ 4 จะต้องร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ภายใน 10 วันและนำค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงมาวางศาลและนำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในกำหนด 10 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง แต่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2533โดยมิได้นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลเป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลยดังกล่าวจึงชอบแล้ว ที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 อ้างว่าศาลอุทธรณ์ควรจะกำหนดวันเวลาให้จำเลยปฏิบัติ หากละเลยจึงชอบที่จะมีคำสั่งไม่รับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย การที่ศาลอุทธรณ์สั่งตามมาตรา234 โดยเด็ดขาดขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 นั้น เห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 มิได้บังคับให้ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ต้องปฏิบัติดังที่จำเลยกล่าวอ้างแต่ประการใด แต่บทบัญญัติมาตรานี้บังคับผู้อุทธรณ์แต่เพียงผู้เดียวให้ต้องปฏิบัติ หาใช่เป็นหน้าที่ของศาลดังที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 กล่าวอ้างไม่ ฎีกาของจำเลยที่ 2ที่ 3 ที่ 4 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น คงมีปัญหาต่อไปว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 โดยมีผู้พิพากษาคนเดียวลงชื่อในคำสั่งชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าการออกคำสั่งดังกล่าวมิใช่เป็นไปในทางวินิจฉัยชี้ขาดข้อพิพาทแห่งคดีตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 21(2) ชอบที่ผู้พิพากษาคนเดียวจะสั่งได้ หาใช่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายแต่อย่างใด…”
พิพากษายืน.

Share