แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นได้สอบถามจำเลยและจำเลยร่วมแล้วแม้จำเลยและจำเลยร่วมจะคัดค้านไม่ยอมให้ถอน แต่ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในดุลพินิจของศาลในการที่จะพิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควร เพราะศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาต หรืออนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 175 วรรคสอง
ในคดีที่ศาลอาจยกข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเพื่อวินิจฉัย แล้วพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) นั้น เป็นเรื่องที่แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรจะยกขึ้นหรือไม่ก็ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ยื่นเรื่องราวขอรับรองการทำประโยชน์ที่ดินที่พิพาทซึ่งอยู่ในที่ดินโจทก์ ขอให้ศาลสั่งแสดงว่าที่พิพาทเป็นที่ของโจทก์ โจทก์มีสิทธิครอบครองและบังคับมิให้จำเลยมาเกี่ยวข้อง
จำเลยโดยนายวีระ อินศร ศึกษาธิการอำเภอบรบือ ให้การว่าที่พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีสิทธิครอบครอง ที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ โจทก์ ไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ในชั้นชี้สองสถาน โจทก์จำเลยให้เรียกเจ้าอาวาสหรือผู้ทำหน้าที่เจ้าอาวาสวัดบ้านเปลือยมาเป็นจำเลยร่วม
วัดบ้านเปลือยโดยพระภิกษุหนาม ราชผาผู้ทำการแทนเจ้าอาวาสให้การว่าที่พิพาทเป็นที่ธรณีสงฆ์ วัดได้ครอบครองมาและแจ้งการครอบครองที่ดินไว้แล้ว โจทก์ไม่เคยครอบครองไม่มีสิทธิและไม่เคยแจ้งการครอบครอง โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ไม่ได้แจ้งการครอบครองตามพระราชบัญญัติให้ใช้ประมวลกฎหมายที่ดิน พ.ศ. 2497 ถือว่าโจทก์เจตนาสละสิทธิครอบครอง ที่พิพาทย่อมตกเป็นของวัด ฟ้องโจทก์ไม่ถูกต้องมาแต่แรกจะขอแก้ฟ้องให้เป็นฟ้องที่ชอบด้วยกฎหมายหาได้ไม่และแม้จะแก้ฟ้องแล้วก็ยังเป็นฟ้องเคลือบคลุม
คดียังอยู่ระหว่างรอการชี้สองสถาน โจทก์ขอถอนฟ้องเพื่อทำคำฟ้องใหม่ยื่นต่อศาล จำเลยคัดค้าน ศาลชั้นต้นเห็นสมควรจึงอนุญาตให้ถอนฟ้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้โจทก์ถอนฟ้องเฉพาะนายวีระ อินศร ส่วนวัดบ้านเปลือยโดยพระภิกษุหนาม ราชผา ไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้อง
นายวีระ อินศรจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์ขอถอนฟ้อง ศาลชั้นต้นสอบถามจำเลยร่วมแล้ว แม้จำเลยร่วมจะคัดค้านไม่ยอมให้ถอนแต่ก็เป็นเรื่องที่อยู่ในดุลพินิจของศาล ในการที่จะพิจารณาสั่งตามที่เห็นสมควร เพราะศาลจะอนุญาตหรือไม่อนุญาตหรืออนุญาตภายในเงื่อนไขตามที่เห็นสมควรก็ได้ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 175 วรรค 2 คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นควรที่จะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องวัดบ้านเปลือยโดยนายวีระ อินศร ศึกษาธิการอำเภอบรบือในฐานะเป็นตัวแทนได้ จึงอนุญาตให้โจทก์ถอนได้แล้วจึงเป็นเรื่องที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจตามที่เห็นสมควร และในคดีที่ศาลอาจยกข้อกฎหมายเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นอ้างเพื่อวินิจฉัย แล้วพิพากษาคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 142(5) นั้น เป็นเรื่องที่แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควรจะยกขึ้นหรือไม่ก็ได้ และคดีนี้ศาลอุทธรณ์ได้อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องวัดบ้านเปลือยโดยนายวีระ อินศร ศึกษาธิการบรบือในฐานะผู้แทนวัดบ้านเปลือยจำเลยไปแล้วและไม่อนุญาตให้ถอนฟ้องสำหรับวัดบ้านเปลือยที่พระภิกษุหนาม ราชผา ผู้ทำการแทนเจ้าอาวาสเป็นจำเลยร่วม ซึ่งโจทก์ยังจะต้องดำเนินคดีกับวัดบ้านเปลือย โดยพระภิกษุหนาม ราชผา ผู้ทำการแทนเจ้าอาวาสจำเลยร่วมต่อไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ฉะนั้น ข้อที่ว่าฟ้องของโจทก์จะชอบด้วยกฎหมายหรือไม่เคลือบคลุมหรือไม่อย่างไร จึงเป็นข้อที่จะต้องว่ากล่าวกันต่อไประหว่างโจทก์กับวัดบ้านเปลือยโดยพระภิกษุหนาม ราชผา ผู้ทำการแทนเจ้าอาวาสซึ่งเป็นจำเลยร่วมนั้น
พิพากษายืน ยกฎีกาวัดบ้านเปลือยโดยนายวีระ อินศร จำเลย