คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 929/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์อ้างว่า จำเลยได้ทำสัญญาโอนสิทธิครอบครองที่ดินรวม 5 โฉนดและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ด้วยการส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พร้อมทั้งตราสารแห่งสิทธิให้โจทก์ ต่อมาจำเลยได้บอกเลิกสัญญาโอนสิทธิ ขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาโอนสิทธิครอบครองใช้ได้ตามกฎหมาย จำเลย ไม่มีสิทธิเพิกถอน ห้ามมิให้จำเลยขัดขวางในการที่โจทก์จะใช้สิทธิบนอสังหาริมทรัพย์ จำเลยต่อสู้ว่ากรรมสิทธิในที่ดินยังเป็นของจำเลย ดังนี้จึงเห็นได้ว่าข้อพิพาทในคดีคือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องเป็นของโจทก์ หรือของจำเลย ถึงแม้คำขอท้ายฟ้องโจทก์จะมิได้บ่งชัดขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินก็ตาม หากศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโจทก์ก็เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กับมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนต่อไป ดังนี้ จึงเป็นคดีที่คำขอปลดเปลื้องทุกข์อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 150 ถึงแม้ว่ากรรมสิทธิ์ที่ดินที่พิพาทจะถูกเวนคืนแล้วก็ตาม ก็จำต้องพิจารณาว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นเจ้าของ อันมีสิทธิรับเงินค่าทดแทนอยู่นั่นเอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำหนังสือโอนสิทธิครอบครองที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ โจทก์ได้รับมอบและเข้าครอบครองแล้ว ต่อมามีพระราชบัญญัติเวนคืนที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งที่ที่โจทก์ได้รับโอนการครอบครองต่อจากจำเลย จำเลยจึงมีหนังสือถึงโจทก์ยกเลิกเพิกถอนข้อตกลงตามที่โจทก์จำเลยได้แสดงเจตนาตกลงกันไว้นั้น ห้ามมิให้โจทก์ขอรับเงินค่าทดแทนจากคณะกรรมการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ โดยอ้างเหตุว่าโจทก์มิได้ปฏิบัติการให้เป็นไปตามเงื่อนไขข้อตกลง ข้ออ้างของจำเลยไม่จริง จำเลยหาอาจบอกเลิกสัญญาที่จำเลยโอนสิทธิครอบครองให้โจทก์และโจทก์เข้าครอบครองแล้วได้ไม่การที่จำเลยบอกเลิกสัญญาหรือห้ามมิให้โจทก์ขอรับเงินค่าทดแทน เป็นการรบกวนการครอบครองและสิทธิของโจทก์โดยมิชอบด้วยกฎหมายเป็นการละเมิด ขอให้ศาลพิพากษาว่า สัญญาโอนสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าวใช้ได้ตามกฎหมาย จำเลยไม่มีสิทธิยกเลิกเพิกถอน ห้ามมิให้จำเลยขัดขวางในการที่โจทก์จะใช้สิทธิบนอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องเวนคืน

จำเลยให้การต่อสู้และฟ้องแย้งว่า ที่ดินพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องเป็นของจำเลย หนังสือยกที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้อง เกิดจากการรบเร้าข่มขู่และบีบบังคับของโจทก์ มิได้เกิดขึ้นโดยความสมัครใจของจำเลย จำเลยมิได้สละละทิ้งการครอบครองให้แก่โจทก์ การโอนกรรมสิทธิต้องจดทะเบียนจึงจะชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์โจทก์ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง จำเลยจึงมีหนังสือบอกเลิกเพิกถอนสัญญานั้นเสีย ขอให้ยกฟ้องโจทก์และแสดงว่าที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ยังเป็นกรรมสิทธิของจำเลย ห้ามโจทก์เกี่ยวข้อง

โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์มิได้ข่มขู่ จำเลยมิได้แสดงโดยชัดแจ้งว่า โจทก์กล่าวหรือกระทำการใดที่จำเลยถือว่าเป็นการข่มขู่อันถึงขนาดจงใจให้จำเลยกลัว จำเลยมิได้บอกกล่าวภายใน 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 143 คำฟ้องแย้งของจำเลยขัดกันไม่แน่นอนเป็นฟ้องเคลือบคลุม จำเลยมีเพียงสิทธิครอบครอง หามีกรรมสิทธิ์ไม่ ขอให้ยกฟ้องแย้ง

ในวันนัดชี้สองสถานศาลสั่งว่า เป็นเรื่องโจทก์เรียกเอาที่ดินที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จึงให้โจทก์จำเลยตีราคาที่พิพาท และสั่งให้โจทก์เสียค่าขึ้นศาลห้าหมื่นบาท อันเป็นอัตราขั้นสูงตามกฎหมายภายใน 1 เดือน นับแต่ศาลสั่ง

รบกำหนด 1 เดือนแล้ว โจทก์ไม่เสียเงินค่าขึ้นศาลตามที่สั่งศาลชั้นต้นจึงสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องให้จำหน่ายคดีเสียจากสารบบ

โจทก์อุทธรณ์ว่า ไม่ใช่เรื่องทิ้งฟ้อง หากแต่ศาลควรจะต้องสั่งไม่รับคำคู่ความและคดีที่โจทก์ฟ้อง เป็นคดีขอให้ปลดเปลื้องทุกข์ที่ไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์เพียงแต่ขอให้ห้ามจำเลยใช้สิทธิเท่านั้น

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ถ้าศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ก็จะเป็นผลให้โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามสัญญากับได้รับเงินค่าทดแทน จึงเป็นคดีพิพาทอันอาจคำนวณเป็นจำนวนเงินได้ พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์อ้างว่าจำเลยได้ทำสัญญาโอนสิทธิครอบครองที่ดินรวม 5 โฉนดและสิ่งปลูกสร้างให้โจทก์ด้วยการส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างพร้อมทั้งตราสารแห่งสิทธิให้โจทก์ ต่อมาจำเลยได้บอกเลิกสัญญาโอนสิทธิ ขอให้ศาลพิพากษาว่าสัญญาโอนสิทธิครอบครองใช้ได้ตามกฎหมาย จำเลยไม่มีสิทธิเพิกถอน ห้ามมิให้จำเลยขัดขวางในการที่โจทก์จะใช้สิทธิบนอสังหาริมทรัพย์ จำเลยต่อสู้ว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินยังเป็นของจำเลย ดังนี้จึงเห็นได้ว่าข้อพิพาทในคดีคือที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องเป็นของโจทก์หรือของจำเลย ถึงแม้คำขอท้ายฟ้องโจทก์จะมิได้บ่งชัดขอให้แสดงกรรมสิทธิ์ที่ดินก็ตาม หากศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์ก็เป็นเจ้าของที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง กับมีสิทธิได้รับเงินค่าทดแทนต่อไป ดังนี้จึงเป็นคดีที่คำขอปลดเปลื้องทุกข์อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 150 ถึงแม้ว่ากรรมสิทธิ์ที่ดินที่พิพาทจะถูกเวนคืนแล้วก็ตาม ก็จำต้องพิจารณาว่าโจทก์หรือจำเลยเป็นเจ้าของอันมีสิทธิรับเงินค่าทดแทนอยู่นั่นเอง

พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share