คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9675/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อนำไปสู่การแข่งรถจักรยานยนต์ในทาง รถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานส่งเสริมหรือสนับสนุนให้มีการแข่งรถจักรยานยนต์ในทางโดยตรงซึ่งศาลมีอำนาจริบได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 ข้อ 1, 3 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 134, 160 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 22/2558 ข้อ 3 พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 134 วรรคสอง, 160 ทวิ เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 2 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ปรับจำเลย 10,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 1 ปี และคุมความประพฤติของจำเลยมีกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ให้จำเลยฟัง โดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดระยะเวลาตามที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควรกำหนด กับให้กระทำกิจกรรมบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์ตามที่พนักงานคุมประพฤติและจำเลยเห็นสมควรมีกำหนด 12 ชั่วโมง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 (ที่แก้ไขใหม่) ถ้าไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 (เดิม), 30 (ที่แก้ไขใหม่) ให้ยกคำขอที่ให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง 2 คัน โดยให้คืนแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า รถจักรยานยนต์ของกลาง 2 คัน เป็นทรัพย์ที่จำเลยใช้กระทำความผิดโดยตรงอันพึงริบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยได้ดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ 2 คัน คือ รถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน 1 กฆ สระบุรี 5455 และรถจักรยานยนต์ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หมายเลขตัวรถ 4C9041897 โดยการทำชิ้นส่วนพิเศษหรืออุปกรณ์สำหรับรถจักรยานยนต์ให้ผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม เพื่อนำไปสู่การแข่งรถจักรยานยนต์ในทาง เมื่อจำเลยให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงจึงต้องรับฟังตามฟ้องว่า จำเลยดัดแปลงหรือเปลี่ยนแปลงสภาพรถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อนำไปสู่การแข่งรถจักรยานยนต์ในทาง รถจักรยานยนต์ของกลางจึงเป็นทรัพย์สินที่ได้ใช้ในการกระทำความผิดฐานส่งเสริมหรือสนับสนุนให้มีการแข่งรถจักรยานยนต์ในทางโดยตรง ซึ่งศาลมีอำนาจริบได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (1) การที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ฟังว่า เมื่อไม่ปรากฏว่ามีการนำรถจักรยานยนต์ของกลางไปแข่ง รถจักรยานยนต์ของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรงนั้น เป็นการฟังข้อเท็จจริงที่ผิดไปจากคำรับสารภาพของจำเลย เป็นการไม่ชอบ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่ริบรถจักรยานยนต์ของกลางนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบรถจักรยานยนต์ของกลาง 2 คัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share