คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 965/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

นิติกรรมที่ตก เป็นโมฆะย่อมถือเสมือนว่าไม่มีการทำนิติกรรมกรณีไม่จำต้องมีการเพิกถอนนิติกรรมนั้นอีก การที่ศาลล่างพิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมและการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ มีความหมายเป็นเพียงการบังคับให้มีการเพิกถอนรายการจดทะเบียนต่าง ๆ อันเกิดจากนิติกรรมที่เป็นโมฆะเท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายชั้นเจ้ามรดกมีบุตรด้วยกัน 6 คน รวมทั้งจำเลย หลังจากที่นายชั้นถึงแก่ความขายได้มีคำสั่งตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดก เมื่อประมาณกลางเดือนมกราคม 2524 จำเลยได้พาโจทก์ไปทำการขอรับโอนที่ดินและบ้านมรดกมาเป็นของโจทก์เพื่อจัดแบ่งแก่ทายาทต่อมาโจทก์ทราบว่าที่ดินและบ้านตกเป็นของจำเลยแล้วโดยทายาทอื่นและโจทก์ไม่มีสิทธิได้รับ และพบว่าจำเลยได้นำเอาเอกสารของทางราชการที่ให้โจทก์ลงลายพิมพ์นิ้วมือไปลงชื่อโจทก์ในโฉนดในฐานะผู้จัดการมรดกแล้วนำไปทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์เป็นของจำเลยแต่ผู้เดียว ขอให้เพิกถอนนิติกรรมขายที่ดินพร้อมบ้านระหว่างโจทก์จำเลยและเพิกถอนนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์ตามสัญญาซื้อขายดังกล่าวหากจำเลยไม่ไปจดทะเบียน ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า โจทก์ได้ตกลงขายที่ดินและบ้านพิพาทให้จำเลยแล้ว โดยทำการขายต่อหน้าพนักงานเจ้าหน้าที่ของสำนักงานที่ดินกรุงเทพมหานครโดยสุจริตและรับเงินไปจากจำเลยแล้ว จำเลยมิได้หลอกลวงให้โจทก์พิมพ์ลายนิ้วมือ ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนนิติกรรมที่โจทก์รับโอนที่ดินพิพาทพร้อมบ้านไม้หนึ่งหลัง จากผู้จัดการมรดกมาเป็นของโจทก์ทั้งหมด เพิกถอนนิติกรรมสัญญาขายที่ดินพร้อมบ้านไม้ระหว่างโจทก์ผู้ขาย จำเลยผู้ซื้อ และเพิกถอนนิติกรรมจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ตามสัญญาขายที่ดินระหว่างโจทก์จำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…พฤติการณ์ต่าง ๆ ของจำเลยตามที่ได้วินิจฉัยมานี้ เป็นเหตุผลที่ให้เชื่อได้ว่าจำเลยได้อาศัยความไม่รู้หนังสือตลอดจนความสูงอายุและความไม่รู้ถึงระเบียบการต่าง ๆของทางราชการของโจทก์แล้วจัดการให้โจทก์ทำนิติกรรมรายพิพาทโดยโจทก์มิได้มีเจตนาที่จะกระทำเช่นนั้นจริง พยานหลักฐานของโจทก์มีน้ำหนักและเหตุผลให้น่าเชื่อถือมากกว่าพยานหลักฐานของจำเลยนิติกรรมรายพิพาทจึงเกิดจากความสำคัญผิดในสิ่งซึ่งเป็นสาระสำคัญแห่งนิติกรรมอันตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 119 ถือเสมือนว่าไม่มีการนำนิติกรรม ไม่จำต้องเพิกถอนนิติกรรมระหว่างโจทก์จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้เพิกถอนนิติกรรมและการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์รายพิพาททั้งหมดนั้น มีความหมายเป็นเพียงบังคับให้มีการเพิกถอนรายการจดทะเบียนต่าง ๆอันเกิดจากนิติกรรมที่เป็นโมฆะเหล่านั้นเท่านั้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดีมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share