แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตัวแทนเมื่อพ้นหน้าที่เป็นตัวแทน จะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ตนปกครองดูแลคืนให้ตัวการโดยสิ้นเชิง ทรัพย์สิ่งใดที่ตัวแทนยังคงยึดถือครอบครองไว้ ไม่ส่งคืนให้ตัวการโดยตัวการไม่ทราบนั้น ตัวแทนจะอ้างว่าเป็นการครอบครองโดยปรปักษ์เพื่อเอาเป็นของตนเสียมิได้ ต้องถือว่ายังคงยึดถือครอบครองไว้แทนตัวการและผู้อื่นที่เข้าครอบครองโดยตัวแทนแบ่งให้ เมื่อทราบว่าตัวแทนไม่มีอำนาจเอาทรัพย์นั้นมาแบ่งให้ตนแล้ว การที่ผู้อื่นเข้าครอบครอง จึงตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ครอบครองแทนตัวการเช่นเดียวกับตัวแทนนั้น ซึ่งจะอ้างการครอบครองมาใช้ยันตัวการไม่ได้ จนกว่าจะได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1381 แล้ว
ย่อยาว
คดีได้ความว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปกครองดูแลเก็บผลประโยชน์ที่นาของหลวงพงษ์พิบูล ซึ่งมีอยู่หลายแปลงแทนหลวงพงษ์มาแต่เดิมภายหลัง เมื่อหลวงพงษ์ฯ กับภรรยาตายแล้ว ที่นาทั้งหมดตกเป็นมรดกแก่โจทก์ จำเลยที่ 1 ก็คงเป็นผู้ดูแลเก็บผลประโยชน์แทนโจทก์ตลอดมาต่อมาโจทก์ไม่พอใจจำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 เอาข้าวไปขายแล้วไม่ส่งเงินให้โจทก์ ๆ ให้จำเลยที่ 1 ออกจากหน้าที่จำเลยที่ 1พ้นหน้าที่ไปแล้ว หาส่งที่นาที่จัดการแทนคืนโจทก์ทั้งหมดไม่ได้กันเอาไว้เสียแปลงหนึ่ง คือแปลงที่พิพาทกันนี้ มีเนื้อที่ 28 ไร่เศษ จำเลยที่ 1 เอาไว้เอง 7 ไร่เศษ นอกนั้นแบ่งให้จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 กับนายฟองคนละเท่า ๆ กัน จำเลยที่ 2 ที่ 4 และนายฟองทราบดีว่าจำเลยที่ 1 เอานาโจทก์มาแบ่งให้โดยไม่มีอำนาจแล้วต่อมานายฟองได้ขายส่วนของตนให้จำเลยที่ 3 เป็นเงิน 2,100 บาทจำเลยที่ 3 รับซื้อไว้และเข้าครอบครองมาโดยสุจริต
ต่อมาโจทก์ประกาศขายที่ดินแปลงนี้ จำเลยทั้ง 4 คัดค้านโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์
ศาลชั้นต้นเห็นว่า นาพิพาทส่วนหนึ่งที่จำเลยที่ 3 ซื้อจากนายฟองโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนสิทธิถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โจทก์เรียกคืนไม่ได้ ที่นอกจากนั้นเรียกคืนได้จึงพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ ขับไล่จำเลยที่ 1, 2, 4 ออกจากที่พิพาท กับให้จำเลยที่ 1 ใช้ราคานาพิพาทซึ่งส่งคืนให้โจทก์ไม่ได้ (คือนาส่วนที่นายฟองขายให้จำเลยที่ 3) เป็นราคา 2,100 บาท ให้แก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1, 2 และ 4 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 เป็นตัวแทนของโจทก์ เมื่อจำเลยที่ 1 พ้นจากหน้าที่เป็นตัวแทน จะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ตนดูแลปกครองแทนคืนให้โจทก์ผู้เป็นตัวการโดยสิ้นเชิง ทรัพย์สิ่งใดที่จำเลยที่ 1 จะอ้างว่าเป็นการครอบครองโดยปรปักษ์เพื่อเอาเป็นของตนเสียมิได้ ต้องถือว่ายังคงยึดถือครอบครองไว้แทนโดยผู้จัดการจำเลยที่ 2-4 รู้แล้วว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีอำนาจเอาที่พิพาทมาแบ่งการที่จำเลยที่ 2-4 เข้าครอบครองจึงตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ครอบครองแทนโจทก์ เช่นเดียวกับจำเลยที่ 1 ซึ่งจะอ้างการครอบครองมาใช้ยันแก่โจทก์ไม่ได้ จนกว่าจะได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1381 แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ 1, 2, 4 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน