คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 230/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทรัพย์ที่ผู้ขายทำสัญญาขายให้ผู้ซื้อรื้อเอาไป หากมีบุคคลภายนอกมาอายัดว่าไม่ใช่ของผู้ขายผู้ซื้อรื้อเอาไปไม่ได้ ดังนี้ ถือว่าผู้ซื้อถูกรอนสิทธิ ผู้ขายต้องรับผิด
การที่บุคคลภายนอกมาห้ามหรืออายัดไม่ให้ผู้ซื้อรื้อสิ่งปลูกสร้างที่ซื้อไป ผู้ซื้อก็ไม่กล้ารื้อถอนต่อไปฝ่ายผู้ขายก็ได้จัดการร้องเรียนขอให้ถอนอายัดแต่ไม่เป็นผล ดังนี้ การที่โจทก์ไม่รื้อถอนไปจะถือว่าโจทก์ยินยอมตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481 ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาขายสิ่งปลูกสร้างและเครื่องใช้หลายอย่างในราคา 27,000 บาทให้โจทก์รื้อถอนไป สิ่งของที่ซื้อขายกันนี้ ถ้ามีเรื่องเกี่ยวกับกรรมสิทธิ์ไม่สมบูรณ์หรือมีผู้คัดค้านจำเลยยอมรับผิดชอบและจัดการให้เรียบร้อย โจทก์ได้ชำระเงินให้จำเลยแล้ว 10,000 บาท ที่เหลือสัญญาจะชำระเมื่อรื้อถอนเสร็จโจทก์ได้รื้อไปแล้วหลายอย่าง แต่มีบางอย่างจำเลยไม่สามารถส่งมอบให้โจทก์รื้อถอนไปได้โดยมีผู้มาขัดขวาง และจำเลยไม่มีสิทธินำมาขายให้โจทก์บางอย่างมีผู้มาร้องคัดค้านและยึดถือไว้ ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 38,500 บาท จำเลยให้การต่อสู้หลายประการและตัดฟ้องว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ

ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องกับศาลชั้นต้นที่พิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย 7,000 บาท ส่วนเงินที่โจทก์ต้องชำระ 15,000 บาทไม่ต้องชำระ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์จำเลยทำสัญญาซื้อขายกันแล้วและโจทก์ได้ลงมือรื้อถอนทรัพย์บางส่วนไป เจ้าหน้าที่ ก.ท.ส. มาห้ามไม่ให้รื้อว่า ไม่ใช่ของจำเลยผู้ขาย จำเลยก็ได้จัดการร้องเรียน ก.ท.ส.แต่ไม่เป็นผลโจทก์จึงไม่ได้ทรัพย์ไปตามสัญญาซื้อขาย นับว่าโจทก์ถูกรอนสิทธิ จำเลยต้องรับผิดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 475 และค่าเสียหายที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยให้ก็สมควรแล้วส่วนข้ออายุความปรากฏว่าเมื่อ ก.ท.ส.มาห้ามหรืออายัติ โจทก์ก็ไม่กล้าทำการรื้อถอนต่อไป และจำเลยก็ได้ไปร้องเรียนต่อ ก.ท.ส.ให้ถอนอายัติแต่ไม่เป็นผลเช่นนี้ จะถือว่าโจทก์ยินยอมตาม ก.ท.ส.ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 481 ไม่ได้

พิพากษายืน

Share