คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 963/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตัวแทนเมื่อพ้นหน้าที่เป็นตัวแทน จะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ตนปกครองดูแลคืนให้ตัวการโดยสิ้นเชิง, ทรัพย์สิ่งใดที่ตัวแทนยังคงยึดถือครอบครองไว้ ไม่ส่งคืนให้ตัวการ โดยตัวการไม่ทราบนั้น ตัวแทนจะอ้างว่าเป็นการครอบครองโดยปรปักษ์เพื่อเอาเป็นของตนเสียมิได้ ต้องถือว่ายังคงยึดถือครอบครองไว้แทนตัวการและผู้อื่นที่เข้าครอบครองโดยตัวแทนแบ่งให้เมื่อทราบว่าตัวแทนไม่มีอำนาจเอาทรัพย์นั้นมาแบ่งให้ตนแล้ว การที่ผู้อื่นเข้าครอบครอง จึงตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ครอบครองแทนตัวการเช่นเดียวกับตัวแทนนั้นซึ่งจะอ้างมาใช้ยันตัวการไม่ได้ จนกว่าจะได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะการครอบครองแห่งการครอบครองตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 1381, 93 แล้ว

ย่อยาว

คดีได้ความว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ปกครองดูแลเก็บผลประโยชน์ที่นาของหลวงพงษ์พิบูล ซึ่งมีอยู่หลายแปลงแทนหลวงพงษ์มาแต่เดิมที่นาของหลวงพงษ์พิบูล ภายหลังเมื่อหลวงพงษ์ฯ กับภรรยาตายแล้ว ที่นาทั้งหมดตกเป็นมรดกแก่โจทก์ จำเลยที่ ๑ ก็คงเป็นผู้ดูแลเก็บผลประโยชน์แทนโจทก์ตลอดมา ต่อมาโจทก์ไม่พอใจจำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๑ เอาข้าวไปขายแล้วไม่ส่งเงินให้โจทก์ ๆ ให้จำเลยที่ ๑ ออกจากหน้าที่จำเลยที่ ๑ พ้นหน้าที่ไปแล้ว หาส่งที่นาที่จัดการแทนคืนโจทก์ทั้งหมดไม่ได้กันเอาไว้เสียแปลงหนึ่ง คือแปลงที่พิพาทกันนี้ มีเนื้อที่ ๒๘ ไร่เศษ จำเลยที่ ๑ เอาไว้เอง ๗ ไร่เศษ นอกนั้นแบ่งให้จำเลยที่ ๒ และจำเลยที่ ๔ กับนายฟองคนละเท่า ๆ กัน จำเลยที่ ๒ ที่ ๔และนายฟ้องทราบดีกว่าจำเลยที่ ๑ เอานาโจทก์มาแบ่งให้โดยไม่มีอำนาจ แล้วต่อมานายฟองได้ขายส่วนของตนให้จำเลยที่ ๓ เป็นเงิน ๒๑๐๐ บาท จำเลยที่ ๓ รับซื้อไว้และเข้าครอบครองมาโดยสุจริต
ต่อมาโจทก์ประกาศขายที่ดินแปลงนี้ จำเลยทั้ง ๔ คัดค้านโจทก์จึงฟ้องคดีนี้ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์
ศาลชั้นต้นเห็นว่า นาพิพาทส่วนหนึ่งที่จำเลยที่ ๓ ซื้อจากนายฟองโดยสุจริตและเสียค่าตอบแทนทั้งได้จดทะเบียนสิทธิถูกต้องตามกฎหมายแล้ว โจทก์เรียกคืนไม่ได้ที่นอกจากนั้นเรียกคืนได้ จึงพิพาทว่าที่พิพาทเป็นของโจทก์ขับไล่จำเลยที่ ๑, -๒, -๔ ออกจากที่พิพาทกับให้จำเลยที่ ๑ ใช้ราคานาพิพาทซึ่งส่งคืนให้โจทก์ไม่ได้ (คือนาส่วนที่นายฟองขายให้จำเลยที่ ๓) เป็นราคา ๒๑๐๐ บาท ให้แก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑, -๒ และ ๔ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนของโจทก์เมื่อจำเลยที่ ๑ พ้นจากหน้าที่เป็นตัวแทนจะต้องส่งมอบทรัพย์สินที่ตนดูแลปกครองแทนคืนให้โจทก์ผู้เป็นตัวการโดยสิ้นเชิง ทรัพย์สิ่งใดที่จำเลยที่ ๑ จะอ้างว่าเป็นการครอบครองโดยปรปักษ์เพื่อเอาเป็นของตนเสียมิได้ต้องถือว่ายังคงยึดถือครอบครองไว้แทนโดยผู้จัด การ จำเลยที่ ๒-๔ รู้แล้วว่าจำเลยที่ ๑ ไม่มีอำนาจเอาที่พิพาทมาแบ่ง การที่จำเลยที่ ๒-๔ เข้าครอบครองจึงตกอยู่ในฐานะเป็นผู้ครอบครองแทนโจทก์ เช่นเดียวกับจำเลยที่ ๑ ซึ่งจะอ้างการครอบครองมาใช้ยันแก่โจทก์ไม่ได้ จนกว่าจะได้บอกกล่าวเปลี่ยนลักษณะแห่งการครอบครองตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๓๘๑ แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๑, – ๒, – ๔ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share