คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 961/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องอ้างว่า อาคารของโจทก์อยู่ในเขตเทศบาลถูกควบคุม ตาม พ.ร.บ.ควบคุมค่าเช่า ฯลฯ ได้ค่าเช่าจริงในปี 1 เป็นจำนวนเงินจำนวนหนึ่ง แต่จำเลยซึ่งเป็นเทศบาลประเมินเกินกว่าค่าเช่าจริง จึงเรียกเก็บภาษีจากโจทก์ไป เกิน โจทก็ได้ร้องขอให้พิจารณาประเมินใหม่แล้ว ก็ยังชี้ขาดให้โจทก์เสียภาษีเกินอยู่นั่นเอง โจทก์จึงฟ้องขอให้ศาล บังคับให้จำเลยคืนส่วนที่เกินให้.
จำเลยรับว่า โจทก์เก็บค่าเช่าได้ตามบัญชีท้ายฟ้องจริง แต่อ้างว่าจำเลยและพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ปฏิบัติ ถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย และกำหนดค่ารายปีโรงเรือนและที่ดินของโจทก์ เหมาะสมถูกต้องแล้ว ดังนี้ ข้อที่ ต้องพิจารณาจึงมีว่าค่าเช่าโรงเรือนของโจทก์นี้มีเหตุอันบ่งให้เห็นว่ามิใช่จำนวนอันสมควรที่จะเช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ จริง หรือไม่ เมื่อจำเลยรับว่าโจทก์เก็บค่าเช่าได้ตามบัญชีท้ายฟ้องจริง การที่จำเลยจะประเมินภาษีใหม่ ก็ต้องมีเหตุ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ เหตุดังกล่าวเป็นหน้าที่จำเลยต้องนำสืบ แต่จำเลยไม่นำสืบแสดงว่าค่าเช่าที่โจทก์ได้รับ มิใช่ จำนวนตามสมควรแต่ประการใด จำเลยจึงต้องแพ้คดี./

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มีโรงเรือนแถว ๔ หลัง รวม ๔๓ ห้อง และเรือน ๒ หลังในเขตเทศบาลถูกควบคุมตาม พ.ร.บ.ควบคุม ค่าเช่า ฯลฯ ได้ค่าเช่าจริงใน พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นเงิน ๕๘๔๘ บาท ภาษี ๑๒ ชัก+ คิดเป็นภาษี ๗๓๑ บาท ซึ่งโจทก์ควรเสีย แต่ จำเลยประเมินเกินกว่าค่าเช่าจริงคือประเมิน ๑๑๔๑๖ บาท และเรียกเก็บภาษี ๑๔๒๗ บาท โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ พิจารณาประเมินใหม่ ที่สุดจำเลยชี้ขาดให้โจทก์เสียภาษี ๑๔๐๒ บาท ซึ่งเกินค่าเช่าได้จริง ๖๗๑ บาท จึงขอให้ศาลบังคับ จำเลยคืนส่วนที่เกิน.
จำเลยให้การว่า โจทก์มีทรัพย์สินซึ่งต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินตามโจทก์ฟ้องจริง จำเลยและพนักงานเจ้าหน้าที่ของ จำเลยได้ปฏิบัติถูกต้องตามระเบียบและกฎหมาย และกำหนดค่ารายปีโรงเรือนและที่ดินของโจทก์เหมาะสมถูกต้องแล้ว
วันชี้สองสถาน โจทก์ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยชี้ขาดเบื้องต้น โดยมีประเด็นอยู่ว่า จำเลยเรียกเก็บภาษีตามบัญชีที่ยื่นถูก ต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งประเด็นข้อนี้ จำเลยยอมรับและแถลงไม่สืบพยาน ฯลฯ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ไม่พิศูจน์ว่า ค่าเช่าจะเป็นค่าเช่าแท้จริงประการใด เรียกเก็บไม่ถูกอย่างไร จึงให้ยกฟ้อง.
โจทก์อุทธรณ์,
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยคืนเงิน ๖๗๑ บาท ที่เรียกเก็บ+ แก่โจทก์ ฯลฯ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อที่ต้องพิจารณามีว่าค่าเช่าเรือนและห้องแถวของโจทก์รายนี้ มีเหตุอันบ่งให้เห็นว่ามิใช่จำนวนอัน สมควรที่จะให้เช่าได้ในปีหนึ่ง ๆ จริงหรือไม่ เมื่อจำเลยรับแล้วว่าโจทก์เก็บค่าเช่าได้ตามบัญชีท้ายฟ้อง การที่จำเลยจะ ประเมินภาษีใหม่ ก็ต้องมีเหตุตามที่กฎหมายบัญญัติไว้เหตุดังกล่าวนี้ เป็นหน้าที่ฝ่ายจำเลยต้องนำสืบ ไม่ใช่เป็นหน้าที่ ของโจทก์ เพราะมีค่ารายปีตามค่าเช่าเป็นหลักในการคำนวณอยู่แล้ว แต่จำเลยไม่นำสืบแสดงว่าค่าเช่าที่โจทก์ได้รับมิ ใช่จำนวนตามสมควรแต่ประการใด การที่จำเลยอ้างเอกสารสำหรับห้องเช่ารายอื่น ก็เป็นคนละห้องกับห้องของโจทก์ จำเลยไม่ได้นำสืบว่าห้องของโจทก์ควรจะได้ค่าเช่าและเสียภาษีตามที่จำเลยคำนวณมา
คงพิพากษายืน.

Share