แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหนี้ของผู้ตาย ฟ้องเรียกเงินกู้ที่ผู้ตายกู้ไว้จากผู้ซึ่งอ้างตนว่า เป็นทายาทของผู้ตาย แล้วประนีประนอมยอมความกันในศาล โดยผู้อ้างว่าเป็นทายาทนั้น จะรับใช้ซึ่งเงินกู้ และดอกเบี้ยให้ ศาลจึงพิพากษาตามยอมครั้นครบกำหนดไม่ชำระ เจ้าหนี้จึงนำยึดที่ดินของกองมรดก
บุตรของผู้ตายซึ่งเป็นทายาทที่แท้จริง จึงขัดทรัพย์จนศาลสั่งถอนการยึด คดีถึงที่สุดแล้ว เจ้าหนี้จึงมาฟ้องบุตรของผู้ตาย ผู้เป็นทายาทที่แท้จริงเรียกเงินกู้จำนวนเดิมนั้นอีกได้ เพราะหากผู้ตายกู้เงินเขาไว้จริง หนี้นั้นก็ยังไม่ระงับ คงผูกพันกองมรดกอยู่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า นางหมึก สิทธิเวช มารดาจำเลย กู้เงินโจทก์ไป 2,000 บาท บัดนี้นางหมึกถึงแก่กรรม จำเลยเป็นผู้รับมรดก จึงจำต้องชำระหนี้รายนี้แก่โจทก์ แต่จำเลยปฏิเสธ ไม่ยอมชำระจึงฟ้องขอให้ศาลบังคับ
จำเลยปฏิเสธว่า นางหมึกไม่ได้กู้เงินโจทก์ ฯลฯ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้พิจารณาพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ได้ความว่า เดิมโจทก์ยื่นฟ้องนางประยูรเป็นจำเลยอ้างว่านางประยูรเป็นบุตรบุญธรรมของนางหมึก ๆ ได้กู้ยืมเงินโจทก์ไป 2,000 บาท นางหมึกตาย นางประยูรอ้างตนว่าเป็นผู้รับมรดกของนางหมึก ได้ทำหนังสือสัญญารับรองใช้หนี้แทนนางหมึกให้แก่โจทก์ภายใน 2 เดือน ถึงกำหนดไม่ใช้ โจทก์จึงฟ้องแล้วโจทก์กับนางประยูรประนีประนอมยอมความกัน นางประยูร ยอมใช้เงินภายใน 15 วัน ศาลพิพากษาคดีไปตามยอม ถึงกำหนดนางประยูรไม่ใช้โจทก์จึงนำยึดที่สวนแปลงหนึ่งอ้างว่าเป็นของนางหมึก จำเลยในคดีนี้ร้องขัดทรัพย์ ศาลสั่งถอนการยึดคดีถึงที่สุดแล้ว โจทก์จึงมาฟ้องคดีนี้
ศาลฎีกาเห็นว่า หนี้สินระหว่างโจทก์กับนางหมึกหากมีอยู่จริงนางประยูรก็เป็นแต่เพียงรับรองหนี้เดิม หรือรับสภาพหนี้เดิมของนางหมึกเท่านั้น หนี้สินของนางหมึกหาได้ระงับไปโดยนางประยูรรับใช้ในฐานะผู้รับมรดกของนางหมึกไม่ เรียกไม่ได้ว่าเป็นการชำระหนี้โดยนางประยูรหรือเป็นการแปลงหนี้ใหม่ระหว่างโจทก์กับนางประยูรดังศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมา เมื่อนางประยูรไม่ใช่ผู้รับมรดกของนางหมึก ทั้งโจทก์ก็ไม่ได้รับชำระหนี้ตามที่นางประยูรรับรองไว้ หนี้ระหว่างโจทก์กับนางหมึก ถ้ามีจริง ก็ยังคงผูกพันกองมรดกของนางหมึกตามกฎหมาย จึงเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์เฉพาะข้อที่ให้มีการพิจารณาพิพากษาใหม่
จึงพิพากษายืน