คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9609/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การขายน้ำเยื่อกระดาษผ่านทางท่อที่ลูกหนี้จำหน่ายให้ลูกค้าโดยมีวิธีการส่งน้ำเยื่อกระดาษผ่านท่อซึ่งมีมิเตอร์วัดปริมาณตลอด24 ชั่วโมง และส่งมอบแก่ลูกค้ารายเดียว จึงสามารถกำหนดปริมาณได้แน่นอนว่ามีการส่งมอบกันปริมาณเท่าใด เมื่อใด เทียบเคียงได้กับการขายน้ำมันเชื้อเพลิงแก่สายการบินซึ่งจะทราบปริมาณการส่งมอบได้ในแต่ละครั้งที่เติม และเจ้าหนี้อนุโลมให้ออกใบกำกับภาษีได้ครั้งเดียวใน 1 วัน ตามหนังสือตอบข้อหารือในสำนวน แตกต่างจากการขายกระแสไฟฟ้าและน้ำประปาซึ่งเป็นสินค้าสาธารณูปโภค มีลูกค้าหลายรายและเป็นจำนวนมากไม่แน่นอนว่าลูกค้าแต่ละรายจะบริโภคปริมาณมากน้อยเพียงใดในแต่ละวันจึงไม่สามารถกำหนดจุดส่งมอบได้แน่นอน ลูกหนี้จึงต้องรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและมีหน้าที่ออกใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อเมื่อมีการส่งมอบสินค้าแก่ผู้ซื้อตามประมวลรัษฎากรฯมาตรา 78 มิใช่กรณีที่ลูกหนี้และลูกค้าไม่สามารถกำหนดได้แน่นอนว่ามีการส่งมอบเมื่อใด อันจะมีความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและออกใบกำกับภาษีให้แก่ลูกค้าเมื่อได้รับชำระราคาสินค้าตามมาตรา 78/3(1) และข้อ 1 แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 189ฯ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลแพ่งมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้และตั้งนายสุรพงษ์ เตชะวิบูลย์ เป็นผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน2542 ต่อมาวันที่ 25 สิงหาคม 2542 ศาลแพ่งสั่งให้โอนคดีมาพิจารณาต่อที่ศาลล้มละลายกลาง ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2543 โดยมีบริษัทสยามมั่น จำกัด เป็นผู้บริหารแผนคนที่ 1 มีอำนาจเพียงผู้เดียวในการกระทำการเกี่ยวเนื่องด้วยการดำเนินคดี และบริษัทดีลอยท์ ทู้ช โธมัทสุ แพลนเนอร์ จำกัด เป็นผู้บริหารแผนคนที่ 2 มีอำนาจกระทำการเกี่ยวเนื่องด้วยธุรกรรมด้านการเงินของลูกหนี้เท่านั้น

เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้และยื่นคำขอรับชำระหนี้เพิ่มเติม ในมูลหนี้ค่าภาษีอากรเป็นเงิน 115,800,662.99 บาท พร้อมเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือน ของต้นเงิน 58,036,081.32 บาท นับถัดจากวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะชำระเสร็จจากลูกหนี้ รายละเอียดปรากฏตามบัญชีท้ายคำขอรับชำระหนี้

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ให้บรรดาเจ้าหนี้ ลูกหนี้ และผู้ทำแผนตรวจคำขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 90/29 แล้ว ปรากฏว่าผู้ทำแผนโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้รายนี้

เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ 98,632,062.72 บาท พร้อมเงินเพิ่มร้อยละ 1.5 ต่อเดือนจากต้นเงิน 39,686,887.74 บาท นับถัดวันที่ศาลมีคำสั่งให้ฟื้นฟูกิจการจนกว่าจะชำระเสร็จ

ผู้บริหารแผนคนที่ 1 ยื่นคำร้องคัดค้านว่า เจ้าหนี้ยังไม่มีสิทธิได้รับชำระหนี้ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม เบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม เนื่องจากลูกหนี้ขายน้ำเยื่อกระดาษผ่านทางท่อเป็นการขายสินค้าในลักษณะพิเศษ ไม่สามารถกำหนดจุดส่งมอบได้ชัดเจนมีลักษณะเช่นเดียวกับการขายกระแสไฟฟ้าและน้ำประปา ซึ่งผู้ประกอบการมีหน้าที่จัดเก็บและนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มเมื่อได้รับชำระราคาสินค้าหรือเมื่อได้ออกใบกำกับภาษี ขอให้แก้ไขคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

ศาลล้มละลายกลางวินิจฉัยว่า คำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ที่อนุญาตให้เจ้าหนี้ได้รับชำระค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม เบี้ยปรับ และเงินเพิ่ม ชอบแล้ว จึงมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

ผู้บริหารแผนคนที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของผู้บริหารแผนคนที่ 1 ว่า คำสั่งยกคำร้องคัดค้านของศาลล้มละลายกลางชอบหรือไม่ เห็นว่า หนี้ที่เจ้าหนี้ขอรับชำระเป็นการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในการขายน้ำเยื่อกระดาษผ่านทางท่อที่ลูกหนี้จำหน่ายให้แก่ลูกค้า โดยมีวิธีการส่งน้ำเยื่อกระดาษผ่านท่อซึ่งมีมิเตอร์วัดปริมาณตลอด 24 ชั่วโมง และส่งมอบแก่ลูกค้ารายเดียว จึงสามารถกำหนดปริมาณได้แน่นอนว่ามีการส่งมอบกันปริมาณเท่าใดเมื่อใดเทียบเคียงได้กับการขายน้ำมันเชื้อเพลิงแก่สายการบินซึ่งจะทราบปริมาณการส่งมอบได้ในแต่ละครั้งที่เติมและเจ้าหนี้อนุโลมให้ออกใบกำกับภาษีได้ครั้งเดียวใน 1 วันตามหนังสือตอบข้อหารือฉบับที่ กค.1801/พ.24048แตกต่างจากการขายกระแสไฟฟ้าและน้ำประปาซึ่งเป็นสินค้าสาธารณูปโภคมีลูกค้าหลายรายและเป็นจำนวนมาก ไม่แน่นอนว่าลูกค้าแต่ละรายจะบริโภคปริมาณมากน้อยเพียงใดในแต่ละวัน จึงไม่สามารถกำหนดจุดส่งมอบได้แน่นอน ลูกหนี้จึงต้องรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและมีหน้าที่ออกใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อเมื่อมีการส่งมอบสินค้าแก่ผู้ซื้อตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78 มิใช่กรณีที่ลูกหนี้และลูกค้าไม่สามารถกำหนดได้แน่นอนว่ามีการส่งมอบเมื่อใดอันจะมีความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและออกใบกำกับภาษีให้แก่ลูกค้าเมื่อได้รับชำระราคาสินค้าตามประมวลรัษฎากร มาตรา 78/3(1) และข้อ 1 แห่งกฎกระทรวงฉบับที่ 189 (พ.ศ. 2534) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในบางกรณี ดังผู้บริหารแผนคนที่ 1อ้าง ฉะนั้นเมื่อมีแนวปฏิบัติเป็นการภายในของเจ้าหนี้ที่อนุโลมให้ออกใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่มครั้งเดียวใน 1 วัน จึงเป็นธรรมและเหมาะสมแล้วที่ผู้บริหารแผนคนที่ 1 อุทธรณ์ว่าการมีมิเตอร์วัดปริมาณที่ท่อส่งน้ำเยื่อกระดาษและการขายสินค้าให้แก่ลูกค้ารายเดียว มิใช่เหตุผลที่จะนำมาพิจารณาว่าสามารถกำหนดจุดส่งมอบได้แน่นอนหรือมิใช่การขายสินค้าในลักษณะเดียวกับกระแสไฟฟ้าหรือน้ำประปานั้น เห็นว่า จริงอยู่ลำพังการมีมิเตอร์หรือการมีลูกค้ารายเดียวมิใช่เหตุผลดังที่ผู้บริหารแผนคนที่ 1 อ้างแต่เมื่อนำเหตุทั้งสองมาพิจารณาประกอบกับข้อเท็จจริงที่ได้ความก็สามารถกำหนดจุดส่งมอบและชี้ให้เห็นข้อแตกต่างในเรื่องลักษณะของการขายสินค้าว่าจัดอยู่ในประเภทใดได้แน่นอนชัดเจนยิ่งขึ้นที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งยกคำร้องคัดค้านชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของผู้บริหารแผนคนที่ 1 ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share