คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2501

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พินัยกรรมมีข้อความระบุไว้ว่าบรรดาทรัพย์สมบัติที่มีอยู่และจะมีต่อไปภายหน้า ยอมยกให้จำเลยเป็นผู้รับทรัพย์ตามจำนวนซึ่งกำหนดไว้นั้น เมื่อพินัยกรรมกำหนดว่าเรือน ครัว ยุ้งให้ขายทำศพ ย่อมถือว่าเมื่อขาย หักค่าทำศพออกแล้วเงินที่เหลือเป็นเงินที่จะมีต่อไปภายหน้า ให้นำมาแบ่งระหว่างจำเลยและที่กำหนดว่าตรอกทางเดินกับที่ดินที่มีบ่อน้ำให้ส่วนกลางภาระจำยอมร่วมกัน ย่อมหมายความว่าให้เป็นส่วนกลางใช้ร่วมกันเท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้พิจารณาพิพากษารวมกับคดีแพ่งดำที่๑๕๑/๒๔๙๖ ระหว่างโจทก์คดีนี้กับนายเสริมกับพวกจำเลยโดยโจทก์กล่าวฟ้องมีใจความว่า โจทก์ นางต่วน จำเลยและนางนิลเป็นบุตรนางสาย นางนิลตาย ก่อนนางสาย นายจำเนียรจำเลยเป็นบุตรนางนิลนายสายตายเมื่อ ๑๒ มิ.ย.๙๖ มีทรัพย์เป็นมรดกระหว่างวันที่ ๒๑-๒๓ พ.ค.๙๖ ระหว่างนางสายป่วยขาดสติสัมปชัญญะจำเลยสมคบกับนายเสริมจำเลยกับพวกให้นางสายทำพินัยกรรมฝ่ายเมืองขึ้นยกทรัพย์ให้แก่จำเลย และให้เอาทรัพย์บางอย่างขายเอาเงินทำศพ ซึ่งพินัยกรรมนั้นมิได้เกิดขึ้นจากเจตนาอันแท้จริงของนางสาย โจทก์จึงฟ้องขอให้เพิกถอนพินัยกรรม นำเงินมรดกหักใช้ค่าปลงศพนางเพ็ชร์โจทก์ ๕,๒๓๔ บาท เหลือแบ่ง ๔ ส่วน โจทก์ได้คนละ ๑ ส่วน นอกนั้นให้ทายาทอื่นและให้กำจัดจำเลยมิให้รับมรดก
จำเลยคดีนี้ให้การว่า พินัยกรรมฝ่ายเมืองที่นางสายทำสมบูรณ์ และโจทก์ไม่เคยออกค่าปลงศพ ผู้จัดการมรดกจ่ายจากเงินของนางสาย ส่วนจำเลยคดีแพ่งดำที่ ๑๕๑/๒๔๙๖ ให้การว่าพินัยกรรมทำตามความประสงค์ของนางสายและชอบด้วยระเบียบแบบแผนของทางราชการ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าพินัยกรรมฝ่ายเมืองฉบับลงวันที่ ๒๑ พ.ค.๙๖ สมบูรณ์ ต้องจัดการไปตามพินัยกรรม คือที่ดินตรอกทางเดินตามพินัยกรรมข้อ ๑(๔) กับที่ดินมีบ่อน้ำตามข้อ ๑(๕) ให้ทายาทใช้ร่วมกันเป็นส่วนกลาง เรือนครัวและยุ้งข้าวพร้อมด้วยที่ดินตามข้อ ๑(๓) ให้ประมูลระหว่างทายาทไม่ตกลงให้ขายทอดตลาด ได้เงินสุทธิเท่าใด ใช้ค่าทำศพเงิน ๒,๖๙๗.๙๐ บาท ก่อนกับจ่ายคืนเป็นค่าธรรมเนียมคดีนี้กับค่าทนายฝ่ายละ ๕๐๐ บาท กับใช้คืนค่าฤชาธรรมเนียมของจำเลยในคดีแพ่งดำที่ ๑๕๑/๒๔๙๖ กับค่าทนายอีก ๓๐๐ บาท เหลือเท่าใดแบ่ง ๔ ส่วน ให้โจกท์จำเลยได้คนละ ๑ ส่วน ถ้าเงินไม่พอให้เฉลี่ย
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยคดีนี้ฎีกาต่อมา ส่วนจำเลยคดีแพ่งดำที่ ๑๕๑/๒๔๙๖ ถึงที่สุด
ศาลฎีกาพิพากษาแก้โดยวินิจฉัยว่า เจ้ามรดกได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์ให้แก่จำเลยทั้งสองโดยกล่าวไว้ในพินัยกรรมว่า ข้าพเจ้าถึงแก่กรรมตายไปแล้วบรรดาทรัพย์สมบัติของข้าพเจ้าที่มีอยู่และจะมีต่อไปภายหน้า ข้าพเจ้ายอมยกให้จำเลย เป็นผู้รับทรัพย์สมบัติตามจำนวน ซึ่งกำหนดไว้ดังต่อไปนี้ ฉะนั้นตามพินัยกรรมข้อ ๑(๓) ที่ระบุว่าเรือน ๑ หลัง ครัวไฟ ๑ หลัง และยุ้งข้าวให้ขายทำศพนั้น เมื่อหักค่าทำศพแล้ว เงินเหลือจึงเป็นเงินของนางสายเจ้ามรดกที่จะมีต่อไปภายหน้าซึ่งตกได้แก่จำเลย และพินัยกรรมข้อ ๑(๔) (๕) ที่ระบุว่าตรอกทางเดินและที่ดินมีบ่อน้ำให้ส่วนกลางภาระจำยอมร่วมกัน จึงต้องหมายความว่าให้เป็นส่วนกลางใช้ร่วมกัน ส่วนค่าทำศพ นางเพ็ชร์โจทก์สมัครใจเพื่อสนองบุญคุณมารดา จึงเรียกร้องไม่ได้ และเห็นสมควรไม่ให้กองมรดกใช้ค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนาย ในคดีนี้

Share