คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2497

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทย์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ประมูลห้องแถวอันเป็นทรัพย์มรดกได้ จำเลยไม่ยอมออกจากห้องแถวจึงขอให้ขับไล่ จำเลยได้ต่อสู้ว่าได้เข้าร่วมประมูลกับโจทก์ด้วยจึงเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ประมูลได้ดังนี้คดีมีประเด็นว่า จำเลยได้เข้าประมูลทรัพย์รายพิพาทร่วมกับโจทก์จริงหรือไม่เท่านั้น ถ้าข้อเท็จจริงฟังว่า จำเลยได้เข้าร่วมประมูลกับโจทก์แล้ว ศาลก็บังคับจำเลยตามขอไม่ได้ ฉนั้นคำให้การของจำเลยไม่จำเป็นต้องระบุว่าตนได้ออกเงินประมูลเท่าใด

ย่อยาว

โจทย์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องนายเอี้ยงฉุ้น เรียมรดกมารดาผลที่สุดทำสัญญาปราณีประนอมยอมความ ให้ประมูลได้ และนำเงินมาวางศาลแล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่ยอมรับส่วนเฉลี่ย อ้างว่าเป็นผู้เข้าประมูลด้วย และไม่ยอมออกจากห้องแถว อันเป็นทรัพย์มรดกที่โจทก์ประมูลได้ จำเลยที่ ๒ อาศัยจำเลยที่ ๑ อยู่ในห้องแถว และให้จำเลยที่ ๑ ยอมรับส่วนเฉลี่ยกับขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารกับใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การว่าจำเลยที่ ๑ ในฐานะเป็นโจทก์ ได้เข้าประมูลร่วมกับโจทก์ จำเลยที่ ๑ ถือว่าเป็นเจ้าของทรัพย์ที่ประมูลได้ จึงไม่ยอมรับส่วนเฉลี่ย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยได้
ศาลชั้นต้นไม่เชื่อว่าจำเลยที่ ๑ ได้ออกเงินประมูล พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีมีประเด็นจะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยได้เข้าประมูลทรัพย์รายพิพาทร่วมกับโจทก์จริงหรือเปล่าเท่านั้น ไม่จำต้องวินิจฉัยถึงเรื่องจำเลยออกเงินประมูลหรือไม่เท่าไร เพราะถ้าข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยได้เข้าประมูลร่วมกับโจทก์แล้วศาลก็บังคับจำเลยตามขอไม่ได้ ฉนั้นคำให้การของจำเลย จึงไม่ต้องระบุว่าตนได้ออกเงินประมูลไปเท่าใด ที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่าคำให้การของจำเลยเคลีอบคลุม ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย และฟังข้อเท็จจริงว่าคำพยานจำเลยมีน้ำหนักดีกว่าคำพยานโจทก์
จึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง

Share