แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้กรรมการตรวจฎีกา นายทอง นายฮ้อ นายเฮง นายตุงจำเลยอุทธรณ์คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษ
ย่อยาว
เรื่องนี้โจทย์ฟ้องว่าเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๑ เวลากลางวัน  จำเลยสมคบกันกลุ้มรุมใช้สาตราวุธทำร้ายร่างกายนายกร่างมีบาดเจ็บสาหัส  นายพึ่งมีบาดเจ็บ  เหตุเกิดที่ตำบลอัมฤทธิ  อำเภอผักไห  จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ขอให้ลงโทษจำเลย ฯ
นายเฮงจำเลยให้การแลเปนโจทย์ฟ้องว่านายกร่างทำร้ายจำเลยก่อน  นายพึ่ง  นายกวยช่วยนายกร่างทำร้ายจำเลย ๆ จึงได้ต่อสู้ป้องกันตัว  ขอให้ลงโทษ  นายทอง  นายฮ้อ  นายตุงกับพวกจำเลยให้การปฏิเสธ  นายกร่าง  นายพึ่ง  นายกวยให้การว่านายเฮงแลพวกทำร้ายจำเลยฝ่ายเดียว ฯ
ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาพิจารณาคดีเสร็จสำนวนแล้วพิพากษาวางบทมาตรา ๒๕๔ ลักษณอาญาฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บ  ให้ลงโทษจำคุกนายกร่าง  นายเฮงมีกำหนดคนละ ๑ เดือนแลวางบทมาตรา ๓๓๘ ข้อ ๓ ลักษณอาญา  ให้ปรับนายพึ่ง  นายเฮงเปนเงินพินัยคนละ ๑๕ บาท จำเลยอื่นนอกนั้นไม่มีความผิดให้ปล่อยตัวไป ฯ
โจทย์แลนายเฮงอุทธรณ ศาลอุทธรณข้าหลวงพิเศษพิพากษาแก้วางบทมาตรา ๒๕๖ ข้อ ๗ – ๘ ลักษณอาญาฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บสาหัส  ให้ลงโทษจำคุกนายฮ้อจำเลยมีกำหนด ๒ ปี แลวางบทมาตรา ๒๕๔ ลักษณอาญาฐานทำร้ายร่างกายนายกร่าง นายพึ่งมีบาดเจ็บ  ให้ลงโทษจำคุกนายทองจำเลย ๒ กะทงมีกำหนด ๑ ปี ๖ เดือน  แลวางบทมาตรา ๒๕๔ ลักษณอาฐาฐานทำร้ายร่างกายมีบาดเจ็บ  ให้ลงโทษจำคุกนายเฮง  นายตุง จำเลยมีกำหนดคนละ ๑ ปี  แลวางบทมาตรา ๒๕๘ ลักษณอาญาฐานชุลมุนอยู่ในที่วิวาท  โดยไม่ใช่ผู้ห้ามแลจำเปนเพื่อป้องกันตัวให้ลงโทษจำคุกนายคุน  นายซังเด่า  นายจืออี นายเสี้ยวจิว  นายตือจำเลยมีกำหนดคนละ ๓ เดือน  นายกร่างมีความผิดฐานทำร้ายร่างกายนายเฮงมีบาดเจ็บต้องด้วยบทมาตรา ๒๕๔ ลักษณอาญา  ให้ลงโทษจำคุกนายกร่างมีกำหนด ๑ เดือน  แต่ให้รอการลงอาญาไว้ตามมาตรา  ๔๑ – ๔๒ คำพิพากษาศาลจังหวัดไม่ต้องกับคำพิพากษานี้ให้ยกเสีย ฯ
นายทอง  นายฮ้อ  นายเฮง  นายตุงจำเลยทูลเกล้า ฯ ถวายในข้อเท็จจริง ฯ
กรรมการศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนนี้แล้ว  เห็นว่าฎีกาของนายเฮงต้องบทห้ามตามพระราชบัญญัติฎีกาอุทธรณมาตรา ๖ ให้ยกเสีย  คดีนี้ทางพิจารณาได้ความว่าในวันเกิดเหตุกระบือของนายกร่างลงน้ำข้ามคลองบางคี่ไปใกผักกล่ำสำหรับล่อปลาของนายเหลี่ยงหงวน  บางทีกระบือของนายกร่างจะได้กินผักนั้นบ้าง  นายเฮงจำเลยซึ่งเปนผู้จัดการของนายเหลี่ยงหงวนเห็นดังนั้นจึงได้ตีกระบือของนายกร่าง  แล้วนายกร่างกับนายเฮงก็เกิดเปนปากเสียงเถียงกันขึ้น  แล้วต่างเข้าต่อสู้ทุบตีกัน  ฝ่ายนายตุง  นายคุน  นายซังเด่าจำเลยได้ช่วยนายเฮง  นายตุง  ได้เอาไม้ตีนายกร่างมีบาดเจ็บ  นายกร่างวิ่งหนีมาถึงที่ทำการทดน้ำ  ขณะนั้นนายตุงร้องเรียกให้พรรคพวกของตนซึ่งจับปลาอยู่ในคลองแลอยู่ที่โรงปากคลองบางคี่นั้นให้ช่วย  พรรคพวกทั้งนี้ต่างมีอาวุธครบมือกรูเกรียวกันมาช่วยนายตุง  นายทองจำเลยได้ใช้สามง่ามแทงนายกร่างถูกหน้ามีบาดเจ็บ  แล้วนายเฮงจำเลยกับพวกได้ช่วยกันจับตัวนายกร่างฉุดลากแลทำร้ายนายกร่าง  แลนายฮ้อได้เอาไม้พลองกะทุ้งถูกไหปร้านายกร่าง  นายพึ่งบิดานายกร่างเห็นดังนั้นก็เข้าห้าม  ได้ถูกนายทองจำเลยกับพวกทำร้ายนายพึ่งล้มนอนนิ่งเน่ไป ปรากฎตามคำชันศูจน์ว่านายกร่างมีบาดแผลที่ระหว่างคิ้วกว้าง ๒ กระเบียด ยาว ๓ นิ้วลึกถึงกระดูก ๑ แห่ง แผลที่ไหปร้าถูกนายฮ้อจำเลยทำร้ายกว้าง ๒ นิ้ว ยาว ๓ นิ้ว กระดูกไหปร้าหัก ๑ แห่งเปนบาดแผลสาหัส  เพราะทำให้นายกร่างถึงความทุพลภาพไม่สามารถจะประกอบการหาเลี้ยงชีพได้กว่า ๒๐ วัน  แผลนอกนั้นอีก ๖ แห่งบาดเจ็บเล็กน้อย  นายพึ่งมีบาดเจ็บ ๖ แห่งฟกช้ำ  นายคุน นายซังเล่า  นายจืออี นายเสี้ยวจิว  นายตือจำเลยต่างถืออาวุธยืนอยู่ในที่วิวาท ฯ
กรรมการศาลฎีกาเห็นว่าอ้ายทอง  อ้ายฮ้อ  อ้ายตุงจำเลยได้ร่วมมือกันทำร้ายนายกร่างมีบาดเจ็บสาหัส  ที่ศาลล่างวินิจฉัยความผิดของจำเลยแยกออกว่าเปนส่วนใครส่วนใครต่างกรรมต่างวาระกัน  แลโจทย์มิได้ร้องฎีกาโต้แย้งข้อนี้  ย่อมเปนผลดีแก่จำเลยนักหนา  ฎีกาจำเลยไม่มีสาระอันใดฟังไม่ขึ้น  จึงพร้อมกันพิพากษายืนตามศาลล่าง  แลให้ยกฎีกาจำเลยเสีย ฯ
วันที่ ๒ กรกฎาคม พระพุทธศักราช ๒๔๖๓
