คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่บุตรได้ไปมาหาสู่บิดาในที่ดินซึ่งเป็นมรดกของมารดาตกทอดมายังบิดาและบุตร ทั้งบุตรได้ใช้สิทธิในที่ดินนั้นเป็นต้นว่าได้เก็บผลไม้และตัดไม้ไผ่ในที่พิพาทไปใช้สอยเสมอมาเสมือนตนเป็นเจ้าของด้วยนับแต่มารดาตายจนถึงบิดาตายเป็นเวลากว่า 1 ปี ถือได้ว่าบุตรนั้นได้ครอบครองที่มาด้วยกันกับบิดา
โจทก์ฟ้องขอแบ่งมรดกของบิดามารดาจากจำเลย ผู้ซึ่งร่วมบิดากันแต่ต่างมารดานั้น จำเลยยกอายุความมรดกตามมาตรา 1755 มายันโจทก์ได้เฉพาะมรดกส่วนของบิดาเท่านั้น ส่วนมรดกของมารดาโจทก์จำเลยมิได้เป็นทายาทจะนำอายุความมรดกมาตัดฟ้องด้วยไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นายหลีนางพึ่งบิดามารดาโจทก์ มีกรรมสิทธิ์ที่ดิน 2 แปลง มีโฉนด 1 แปลงอีก 1 แปลงไม่มีหนังสือสำคัญ นางพึ่งตายมาได้ 7 ปี ส่วนนายหลีตายมาได้ 2 ปี จำเลยเป็นบุตรนายหลี เกิดแต่นางวอนภริยาใหม่ จำเลยไปโอนรับมรดกที่ดินแต่ผู้เดียวหาแบ่งให้โจทก์ไม่ที่ดิน 2 แปลงนี้ โจทก์มีสิทธิรับมรดก 2 ส่วน จำเลยมี 1 ส่วนโจทก์จึงฟ้องขอให้ศาลว่าโจทก์มีส่วนรับมรดกรายนี้ ตามส่วน

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งที่พิพาทเป็นส่วนของนายหลี นางพึ่งคนละส่วน ส่วนของนางพึ่งได้แก่โจทก์ ส่วนของนายหลีได้แก่จำเลย

ศาลอุทธรณ์ เห็นว่า นางพึ่งตายก่อนนายหลี มรดกนางพึ่งตกทอดมายังนายหลี และโจทก์แต่นายหลีครอบครองที่ดินมรดกนางพึ่งมาฝ่ายเดียวเกินปี มรดกส่วนนางพึ่งจึงตกได้แก่นายหลีผู้เดียวเมื่อนายหลีตาย โจทก์มีสิทธิขอแบ่งมรดกนายหลี แต่โจทก์ฟ้องคดีเกิน1 ปีแล้ว คดีขาดอายุความจึงพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า สำหรับมรดกของนายหลีบิดาโจทก์นั้น ศาลล่างยกฟ้องเพราะโจทก์ไม่ได้ครอบครองมรดกนั้นมาด้วยกันกับจำเลยนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย

ส่วนมรดกของนางพึ่งนั้นได้ความว่าโจทก์ได้ไปมาหาสู่บิดาในที่พิพาท ทั้งโจทก์ได้ใช้สิทธิในที่ดินเป็นต้นว่า ได้เก็บผลไม้ตัดไม้ไผ่ในที่พิพาทไปใช้สรอยเสมอมาเสมือนตนเป็นเจ้าของด้วยตั้งแต่นางพึ่งตายจนถึงนายหลีตายเป็นเวลาเกินกว่า 1 ปี ถือได้ว่าโจทก์ได้ครอบครองมาด้วยกันกับบิดาโจทก์ ๆ จึงมีสิทธิรับมรดกของนางพึ่งมารดาโจทก์ด้วย เมื่อมารดาโจทก์ตายต้องแบ่งมรดกนางพึ่งเป็นส่วนของมารดาโจทก์ 1 ใน 3 ของบิดาโจทก์ 2 ใน 3 มรดกมารดาโจทก์ 1 ใน 3 นี้ได้แก่โจทก์ และนายหลีบิดาโจทก์คนละ 1 ส่วนเท่า ๆ กัน จึงพิพากษาแก้ให้แบ่งที่พิพาท 2 แปลงแก่โจทก์ 1 ใน 6 ส่วน

Share