คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 958/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญายอมความกับโจทก์ว่า จำเลยจะเช่าตึกซึ่งผู้เช่าที่ดินจากโจทก์ได้ก่อสร้างขึ้น ไม่ใช่เช่าจากโจทก์ ฝ่ายโจทก์ยอมให้จำเลยเช่าดังว่านั้นได้ ผู้เช่าที่ดินของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ปลูกตึก และซึ่งจำเลยจะขอเช่านี้ไม่ได้เป็นคู่สัญญาในสัญญายอม และไม่ได้เป็นคู่ความในคดี จึงไม่มีทางบังคับผู้เช่าที่ดินของโจทก์ให้ยอมให้จำเลยเช่า จำเลยจะขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ไปบังคับผู้ก่อสร้างตึกให้ยอมให้จำเลยเช่าไม่ได้

ย่อยาว

เดิมโจทก์ฟ้องขับไล่ แล้วจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันศาลได้พิพากษาตามยอมเสร็จเด็ดขาดไปแล้ว ซึ่งในข้อ 2 มีความว่า “เมื่อก่อสร้างเสร็จโจทก์ยอมให้จำเลยกลับเข้ามาเป็นผู้เช่าอยู่ต่อไปมีกำหนดการเช่าตามกำหนดเวลาเช่าแห่งสัญญาเช่าที่ดินซึ่งโจทก์ให้ผู้รับปลูกสร้างตึกเช่าไปโดยจำเลยยอมออกเงินค่าก่อสร้างตึกให้แก่ผู้เช่าที่ดินของโจทก์ตามจำนวนที่ได้คิดเฉลี่ยซึ่งผู้เช่าห้องหนึ่ง ๆ ในจำนวน 9 ห้องนั้นจะต้องออก และจำเลยยอมเสียค่าเช่าเดือนละ 50 บาทให้แก่ผู้เช่าที่ดินจากโจทก์ หรือ ถ้าผู้เช่าที่ดินจากโจทก์จ้างก่อสร้างแพงเกินควรไป จำเลยมีสิทธิที่จะจ้างช่างอื่นเป็นผู้ปลูกสร้างตึกส่วนที่จำเลยจะเข้าอยู่เอง ตามแบบแปลนของโจทก์ทุกประการ” ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องว่าจำเลยได้ปฏิบัติตามสัญญาแล้วทุกประการ บัดนี้โจทก์ไม่ปฏิบัติตามยอมข้อ 2 จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยได้ตึกห้องหนึ่ง โดยกำหนดการเช่าตามยอมข้อ 2 โจทก์แถลงว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของตึกจะให้จำเลยเช่าได้อย่างไร เป็นการพ้นวิสัยและเป็นเงื่อนไขไม่อาจสำเร็จได้ ตกเป็นโมฆะ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ยอมให้จำเลยเข้าเช่าอยู่ในห้องที่สร้างขึ้นได้หนึ่งห้องในเมื่อจำเลยวางเงินค่าก่อสร้างอันแท้จริงต่อศาล

โจทก์อุทธรณ์ และยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับ จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้โจทก์เสนอจำนวนค่าก่อสร้างที่จำเลยจะต้องชำระให้ และบังคับให้โจทก์ส่งมอบตึกหนึ่งห้องให้จำเลย และจำเลยยื่นคำร้องใหม่ว่า ตามสัญญายอมความข้อ 2 โจทก์ยอมให้จำเลยมีสิทธิที่จะจ้างช่างอื่นเป็นผู้ปลูกสร้างตึกส่วนที่จำเลยจะเข้าอยู่เองตามแบบแปลนของโจทก์ เมื่อโจทก์ไม่ยอมแสดงค่าก่อสร้างก็ขอให้ศาลบังคับให้โจทก์ส่งมอบแบบแปลนตึก เพื่อจำเลยจะทำการปลูกสร้าง และให้โจทก์กำหนดที่ดินที่จะให้จำเลยปลูกสร้าง ศาลชั้นต้นส่งคำร้องไปให้ศาลอุทธรณ์ จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ส่งคำร้องไปศาลอุทธรณ์ว่า ศาลชั้นต้นไม่ยอมบังคับให้แก่โจทก์นั้นไม่ชอบ

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับคำสั่งศาลชั้นต้นที่บังคับให้โจทก์ยอมให้จำเลยเข้าเช่านั้นเสีย และให้ยกคำสั่งที่ส่งคำร้องมาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องของจำเลยไปตามรูปคดี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญายอมความ จำเลยจะเช่าตึกซึ่งผู้เช่าที่ดินจากโจทก์ได้ก่อสร้างขึ้น ไม่ใช่เช่าจากโจทก์ ฝ่ายโจทก์ก็ยอมให้จำเลยเช่าดังว่ามานั้น ผู้เช่าที่ดินของโจทก์ซึ่งเป็นผู้ปลูกตึก และซึ่งจำเลยขอเช่านี้ไม่ได้เป็นคู่สัญญาในสัญญายอมและไม่ได้เป็นคู่ความในคดี จึงไม่มีทางจะบังคับผู้เช่าที่ดินของโจทก์ให้ยอมให้จำเลยเช่า ศาลก็จะบังคับโจทก์ให้ไปบังคับผู้ก่อสร้างตึกให้ยอมจำเลยเช่าได้อย่างไร เมื่อจำเลยเองไปทำสัญญายอมความไว้ดังนี้แล้ว ก็ต้องรับผลของการนั้น

พิพากษายืน

Share