คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 691/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้จำเลยจะไม่ได้ส่งสำเนาหนังสือสัญญาซื้อขายสวนรายพิพาทที่จำเลยอ้าง ให้แก่โจทก์ทราบก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ 3 วันแต่โจทก์ได้ตรวจดูเอกสารสัญญาซื้อขายนี้ในวันนัดดูแผนที่และวันชี้สองสถาน ทั้งโจทก์ได้รับสำเนาเอกสารที่จำเลยขออ้างไว้แล้วเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเมื่อจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานนี้ ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87 อนุมาตรา 2

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ขายฝากที่สวนผลไม้ ให้แก่นายออ ๆ หายสาบสูญไป จำเลยเข้ามาเก็บผลไม้ในสวนอ้างว่าเช่าจากนายออ ต่อมาอ้างว่าซื้อไว้จากนายออ จึงขอให้ขับไล่จำเลย และห้ามจำเลยไม่ให้เกี่ยวข้องในที่ดินของโจทก์ กับเรียกค่าเสียหาย จำเลยแก้ว่า โจทก์ได้ขายที่ดินทั้ง 2 แปลงและสละสิทธิให้นายออเข้าครอบครองเป็นเจ้าของนายออได้ขายให้จำเลย ๆ ได้ครอบครองเป็นเจ้าของมาทุกวันนี้คู่ความรับว่าที่พิพาทเป็นที่มือเปล่า ไม่มีหนังสือ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าคู่ความที่อ้างอิงเอกสารต้องส่งเอกสารที่อ้างและสำเนาแก่อีกฝ่ายหนึ่งก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 3 วันนั้น ปรากฏว่าโจทก์ได้ตรวจดูเอกสารสัญญาซื้อขายที่จำเลยอ้างในวันนัดดูแผนที่และวันชี้สองสถาน ทั้งโจทก์ได้รับสำเนาเอกสารที่จำเลยได้ขออ้างไว้แล้ว แม้จำเลยจะไม่ได้ส่งสำเนาก่อนวันพิจารณา3 วัน และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีนี้ว่า โจทก์ได้ขายฝากที่พิพาทให้แก่นายออดังฟ้อง หรือว่าได้ขายขาด อันเป็นการสละให้แก่นายออแล้วตามข้อต่อสู้ ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 87 อนุมาตรา 2 ส่วนข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ได้ขายที่พิพาทให้แก่นายออแล้ว และนายออได้ขายให้จำเลย ๆ ได้ครอบครองต่อมาจนบัดนี้

พิพากษายืน

Share