คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 957/2506

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ผู้เขียนข้อความแห่งพินัยกรรมจะไม่ได้เขียนข้อความระบุว่าตนเป็นพยานไว้ต่อท้ายลายมือชื่อของตน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1671 วรรค 2 ด้วยก็ตาม หากมีข้อความตอนท้ายของพินัยกรรมปรากฎชัดว่า ผู้ทำพินัยกรรมได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานเป็นสำคัญ และผู้เขียนได้ลงลายมือชื่อในฐานะผู้เขียนพินัยกรรมต่อจากลายมือชื่อในฐานะผู้เขียนพินัยกรรมต่อจากลายมือชื่อของพยานรับรองพินัยกรรมแล้ว ก็เป็นข้อเท็จจริงที่จะนำสืบว่าผู้เขียนอยู่ในฐานะพยานด้วยหรือไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า นางนาง จินนะพี่สาวโจทก์วายชนม์เมื่อวันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๐๔ มีทรัพย์มรดกตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องตกได้แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาท เพราะนางนางไม่มีบุตร จำเลยไม่ใช่ทายาทโดยธรรมได้ยื่นคำร้องต่ออำเภอขอรับมรดกรายนี้ จึงขอให้ศาลพิพากษาว่า โจทก์มีสิทธิรับมรดกรายนี้ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไป
จำเลยให้การว่า ก่อนตายนางนางได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์อันดับ ๑,๒,๓ ตามบัญชีท้ายฟ้องให้แก่จำเลย ๆ ได้ครอบครองเป็นเจ้าของมาจนถึงปัจจุบัน โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้อง ทรัพย์อันดับ ๔ ยุ้งข้าวเป็นของจำเลยปลูกสร้างขึ้นมิใช่มรดก
คู่ความตกลงกันว่า ประเด็นข้อพิพาทมีเพียงประเด็นเดียวว่า เอกสารท้ายคำให้การซึ่งจำเลยว่าเป็นพินัยกรรมนั้นเป็นพินัยกรรมสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ตกเป็นหน้าที่จำเลยนำสืบก่อนต่อมาศาลชั้นต้นเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ งดสืบพยานแล้ววินิจฉัยว่า พยานที่ลงลายมือชื่อในพินัยกรรมมีเพียงนายสาผู้เดียวซึ่งถือว่าเป็นพยานได้ ส่วนนายบัวผา เพชรกัณหานั้น ระบุว่าเป็นผู้เขียนเท่านั้นไม่ใช่พยานในพินัยกรรม พินัยกรรมจึงไม่สมบูรณ์ พิพากษาว่าทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ท้ายฟ้องเป็นมรดกของนางนาง จินนะ ตกได้แก่โจทก์ ให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากทรัพย์พิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าลักษณะการลงนามของนายบัวผาอยู่ในฐานนะพยานด้วยหรือไม่เป็นข้อเท็จจริงที่จะต้องนำสืบต่อไป พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนแล้ว ตามพินัยกรรมที่จำเลยอ้างปรากฎว่า นางนางผู้ทำพินัยกรรมลงลายพิมพ์มือต่อหน้าพยาน ๒ คน คือ นายเทืองและนายสา และต่อท้ายด้วยลายมือชื่อนายบัวผา เพชรกัณหา ผู้เขียนพินัยกรรม แต่นายเทืองพยานในพินัยกรรมได้ลงลายพิมพ์นิ้วมือ จึงเหลือนายสาเป็นพยานรับรองลายมือนางนางในพินัยกรรมเพียงคนเดียว มีปัญหาว่า ควรจะให้จำเลยนำสืบว่านายบัวผา เพชรกัณหา ผู้เขียนพินัยกรรมเป็นพยานรับรองลายมือและเป็นพยานในพินัยกรรมด้วยหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๗๑ จะบัญญัติว่า ถ้าผู้เขียนพินัยกรรมเป็นพยานด้วย ให้เขียนข้อความระบุว่าตนเป็นพยานไว้ต่อท้ายลายมือชื่อเช่นเดียวกับพยานอื่นก็ดี ความมุ่งหมายสำคัญของมาตรานี้ก็คือ ให้มีข้อความแสดงว่าผู้เขียนพินัยกรรมเป็นพยานรู้เห็นด้วยเช่นเดียวกับพยานอื่นเท่านั้น หากมิได้ระบุไว้ก็ไม่ทำให้พินัยกรรมเป็นโมฆะ เพราะไม่มีบทบัญญัติระบุว่าการทำไม่ถูกต้องตามมาตรานี้เป็นดมฆะดังเช่นการทำไม่ถูกต้องตามมาตราอื่น ๆ ในพินัยกรรมฉบับนี้ก็ได้มีข้อความตอนท้ายของพินัยกรรมปรากฎชัดว่า ผู้ทำพินัยกรรมได้ลงลายมือชื่อต่อหน้าพยานเป็นสำคัญ
และนายบัวผาก็ได้ลงลายมือชื่อในฐานะผู้เขียนพินัยกรรมต่อจากลายมือชื่อของพยานรับรองพินัยกรรมด้วย การลงลายมือชื่อของนายบัวผา อยู่ในฐานะพยานด้วยหรือไม่จึงเป็นข้อเท็จจริงที่จำเลยจะนำสืบต่อไปได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share