แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำนวน 6 เดือน โดยไม่รอการลงโทษและไม่มีโทษปรับ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ถ้าศาลฎีกาเห็นสมควรรอการลงโทษจำคุกก็อาจลงโทษปรับจำเลยด้วยได้
ข้าวสารของกลางเป็นสิ่งที่จำเลยใช้ทำการค้าโดยมิได้รับหนังสืออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน จึงเกี่ยวเนื่องกับความผิด ต้องริบตามพระราชบัญญัติการค้าข้าว พ.ศ. 2489 มาตรา 21 ทวิ
ย่อยาว
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานทำการค้าข้าวในเขตควบคุมการค้าข้าวโดยมิได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติการค้าข้าวพ.ศ. 2489 มาตรา 9, 18 ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2489 มาตรา 5, 11 จำคุก 1 ปีลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ริบข้าวและกระสอบของกลาง สมุดของกลางคืนเจ้าของ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกาผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาในศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องขอรอการลงโทษ
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อที่จำเลยขอให้รอการลงโทษศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยเป็นหญิงมีบุตรหลายคน และมีอาชีพแน่นอน เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษจำคุกมาก่อนสมควรรอการลงโทษไว้เพื่อให้โอกาสจำเลยกลับตัวแต่เห็นสมควรปรับจำเลยด้วย ส่วนข้อที่จำเลยขอให้คืนข้าวสารของกลางนั้นพระราชบัญญัติการค้าข้าว พุทธศักราช 2489 มาตรา 21 ทวิ บัญญัติว่า “ข้าวที่เกี่ยวเนื่องกับความผิด ตลอดจนสิ่งที่ใช้บรรจุให้ริบเสีย” เมื่อคดีฟังได้ว่าข้าวสารของกลางเป็นสิ่งที่จำเลยใช้ทำการค้าโดยจำเลยไม่ได้รับหนังสืออนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อน ข้าวสารของกลางจึงเกี่ยวเนื่องกับความผิดอันจะต้องริบตามบทกฎหมายดังกล่าวฎีกาจำเลยฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี และปรับ 5,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 2,500 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ถ้าจำเลยไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”